บช.ปส. 5 ม.ค.- ตำรวจโชว์ผลงานจับยาเสพติดหลายคดี ยึดของกลางไอซ์มากถึง 500 กิโลกรัม ยาบ้าเกือบ 3 แสนเม็ด กัญชากว่า 500 กิโลกรัม รวมทั้งจับกุมชาวเวเนซุเอลาและเอธิโอเปีย ลอบหิ้วโคคาอีน 10 กิโลกรัม ขึ้นเครื่องบินเข้าไทย
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) แถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดของตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจสอบสวนกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในช่วง 7 วัน โดยจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด 7 คดี ผู้ต้องหา 17 คน ของกลางกัญชา 510 กิโลกรัม ไอซ์ 500 กิโลกรัม ยาบ้า 288,000 เม็ด และโคคาอีน 10 กิโลกรัม
คดีแรก ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 จับกุมนายเกียรติศักดิ์ โทนสี และนายชุมพล จันทร์โต พร้อมของกลางกัญชาอัดแท่ง 12 กระสอบ น้ำหนักรวม 510 กิโลกรัม ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร จากนั้นขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้เพิ่มอีก 3 คน อายัดทรัพย์สิน มูลค่ากว่า 13 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหามีชื่อกลุ่มว่า “อีสาน มารีฮวนนา” หรือ “อีเอ็ม” ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงิน
คดีที่ 2 ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด จับกุมนายพรสิทธิ์ ชุมพงศ์ และพวกรวม 7 คน ยึดไอซ์ 300 กิโลกรัม หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบลำเลียงไอซ์ จากภาคอีสานลงพื้นที่ภาคใต้ โดยใช้รถกระบะโตโยต้า สีเทา จนกระทั่งพบรถต้องสงสัย จึงแสดงตัวเข้าจับกุม
คดีที่ 3 ตำรวจสอบสวนกลาง จับกุมนายองอาจ เลาว้าง ขณะตั้งจุดตรวจบนถนนสายเอเชียขาล่องใต้ พื้นที่อำเภอเมืองชุมพร กระทั่งพบรถบรรทุกกระสอบปุ๋ยต้องสงสัย เนื่องจากมีการขนกระสอบปุ๋ยมาเพียงครึ่งคันรถซึ่งน้อยกว่าที่ควรจะเป็น จึงตรวจค้นพบไอซ์บรรจุในกระสอบปุ๋ย น้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดยาบ้า 288,000 เม็ด และจับกุมนายศรชัย ธิดาภารุ่งเรือง หลังสายลับแจ้งว่า จะมีการลักลอบขนยาเสพติดจากชายแดนภาคเหนือเข้าพื้นที่ตอนในของประเทศ เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าระวัง กระทั่งพบรถเป้าหมายแต่ผูต้องหาไหวตัวทัน เร่งเครื่องหลบหนี ชุดจับกุมจึงใช้อาวุธปืนยิงยางรถยนต์ จึงสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมยึดของกลางดังกล่าว
ส่วนชุดจับกุมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จับกุมผู้ต้องหาชาวเวเนซุเอลา 1 คน และชาวเอธิโอเปีย 2 คน ที่ลักลอบซุกซ่อนโคคาอีน น้ำหนัก 10 กิโลกรัมในกระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่องบินเข้ามาทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุภาพรวมสถานการณ์ยาเสพติดว่า จากการจับกุมขบวนการลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ อาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเมื่อจับผู้ต้องหาค้ายาเสพติดได้มักจะมีเหตุระเบิดเกิดขึ้น ซึ่งปริมาณยาเสพติดที่ทะลักเข้ามาในประเทศไทยจะสอดคล้องกับความต้องการของภาคใต้
ส่วนมาตรการยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติดนั้น ผู้ค้าเริ่มใช้การหลบเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ด้วยการหันไปใช้สกุลเงินอิเล็คทรอนิกส์ อย่าง บิทคอยน์ จึงต้องส่งตำรวจปราบปรามยาเสพติดฝึกอบรมให้เกิดความเข้าใจกับกลวิธีดังกล่าว.- สำนักข่าวไทย