อสมท 23 ม.ค.-สำนักข่าวไทย ตรวจสอบข้อมูลการเอาผิดวินัยร้ายแรง กรณีที่ ผอ.โรงเรียน มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักเรียน นอกเหนือความผิดทางวินัยร้ายแรงแล้ว ยังมีความผิดทางอาญา เนื่องจากเด็กสาวอายุไม่ถึง 15 ปี
ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ระบุไว้ชัดเจนกรณีบุคลากรทางการศึกษามีความสัมพันธ์กับนักเรียนฉันชู้สาว ในมาตรา 94 วรรค 3 โดย “ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เสพยาเสพติด หรือสนับสนุนให้ผู้อื่นเสพยาเสพติด เล่นการพนันเป็นอาจิณ หรือกระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษา ไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของตนหรือไม่ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง” โดยโทษทางวินัยบัญญัติไว้ 5 สถาน คือ ภาคทัณฑ์, ตัดเงินเดือน, ลดขั้นเงินเดือน, ปลดออก และหนักที่สุดคือ “ไล่ออก” ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์, ล่วงละเมิดทางเพศถึงขั้นพยายามมีเพศสัมพันธ์กับผู้เรียน มีความผิดถึงขั้น “ไล่ออก” ส่วนการสัมผัสเนื้อตัวเพื่อส่อเจตนาหวังมีเพศสัมพันธ์ อาจถูกพิจารณาให้ “ปลดออก”
ส่วนการเอาผิดทางอาญา จะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 317 วรรค 3 ฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร โทษจำคุก 5-20 ปี ปรับ 100,000-400,000 บาท นอกจากนี้ ยังผิดกฎหมายอาญามาตรา 279 ฐานกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แม้ยินยอมหรือไม่ก็ตาม จำคุกไม่เกิน 10 ปี หากขู่เข็นประทุษร้าย จำคุก 15 ปี
สำหรับการเอาผิดบุคลากรทางการศึกษาในกรณีนี้ จุดประสงค์หลักของกฎหมาย 2 ฉบับ มีขึ้นเพื่อวางกรอบความประพฤติของผู้มีวิชาชีพครู ให้เหมาะสมกับการเป็นวิชาชีพขั้นสูง โดยหน้าที่ครูคือต้องสั่งสอนศิษย์ให้เป็นคนดีคนเก่งแล้ว ครูต้องเป็นผู้ที่พร้อมด้วยคุณธรรม จริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์และคนในสังคม.-สำนักข่าวไทย