กทม. 17 ม.ค.-คดีแก๊งโรแมนซ์สแกมใช้บัตรประชาชนผู้อื่นไปเปิดบัญชีธนาคาร ทำให้เกิดความตื่นตัวในการหามาตรการยืนยันตัวตนบุคคลที่มาเปิดบัญชีให้เข้มข้นรัดกุมขึ้น ขณะที่ ปปง. เรียกเจ้าของบัญชีเข้าข่ายต้องสงสัย 4,000 บัญชี เข้าชี้แจง และเตือนผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีให้เข้าแสดงตัวก่อนที่บัญชีจะถูกมิจฉาชีพไปใช้ทำความผิด
ยังคงมีการประกาศรับจ้างเปิดบัญชีผ่านหน้าเว็บเพจ และมีการให้เบอร์ติดต่อไว้ ทีมข่าวลองโทรไปตามเบอร์นั้น ปลายสายกลับระบุว่าไม่มีเบอร์นี้อยู่ในระบบ นอกจากนี้ยังพบประกาศ รับซื้อ-ขายสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มอีกหลายแห่ง มีการให้ที่อยู่ติดต่อผ่านทางแอพพลิเคชั่น ทีมข่าวตั้งข้อสังเกตว่าทั้งเว็บรับจ้างเปิดบัญชีและซื้อขายบัญชีมักจะมีข้อความที่จะมุ่งเน้นเป็นพิเศษที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ
สมุดบัญชี หรือสมุดคู่ฝาก คือเล่มที่จะได้รับจากธนาคารหลังมีการเปิดบัญชีเงินฝาก ซึ่งการเปิดบัญชีต้องใช้หลักฐานบัตรประชาชนตัวจริง และกลายเป็นที่ต้องการของกลุ่มมิจฉาชีพ ข้อมูลจาก ปปง. ระบุว่า “การรับซื้อ-ขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม” และ “การรับจ้างเปิดบัญชี” อาจเข้าข่ายรูปแบบหนึ่งของการหลอกลวงให้โอนเงิน ซึ่งขณะนี้พบบัญชีต้องสงสัยที่อาจเข้าข่ายเป็นการรับจ้างเปิดบัญชี หรืออาจเกี่ยวข้องการทำความผิดทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้ายาเสพติด การพนันออนไลน์ และอื่นๆ กว่า 4,000 คดี ซึ่งจะพบความผิดปกติ เช่น มีการเปิดบัญชีด้วยวงเงินน้อย แต่ทำบัตรเอทีเอ็มให้กดเงินได้วงเงินสูง
ปปง. จะเชิญเจ้าของบัญชีมาให้ถ้อยคำ รวมทั้งให้นำสมุดบัญชีและเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลมายืนยัน หากยืนยันว่าไม่ใช่บัญชีของตนเองก็จะสืบสวนขยายผลไปสู่แก๊งมิจฉาชีพต่อไป แต่หากยืนยันว่าใช่ แต่ไม่รู้ว่ามีการนำไปทำธุรกรรมผิดปกติ อาจด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือถูกหลอกลวง ก็จะมีการสืบสวนต่อไปเช่นกัน
แม้การรับจ้างเปิดบัญชีไม่มีความผิดโดยตรง แต่หากตรวจสอบได้ว่าเป็นการให้ความร่วมมือกับมิจฉาชีพ ผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีและใช้บัญชีอาจถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน และหากบัญชีนั้นถูกนำไปใช้เพื่อหลอกลวงประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อให้โอนเงินก็จะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
หลายหน่วยงานร่วมกันเร่งหามาตรการป้องกัน ล่าสุดเตรียมนำโครงการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล หรือ National Digital ID ที่สามารถตรวจสอบไปถึงตัวตนของผู้ที่มาเปิดบัญชีแบบเรียลไทม์ ต่างจากเครื่องอ่านระบบสมาร์ทการ์ดของมหาดไทย ที่ตรวจสอบได้เฉพาะบัตรประชาชนที่นำมาเปิดบัญชีเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหามิจฉาชีพนำบัตรประชาชนของผู้อื่นมาแอบอ้างเปิดบัญชี สมาคมธนาคารไทยคาดว่าจะนำเครื่อง E-Identity มาให้บริการในธนาคารได้ช่วงกลางปีนี้ และเชื่อว่าจะสามารถป้องกันการทุจริตทางการเงินได้อย่างรัดกุมมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย