กรุงเทพฯ 8 ม.ค. – ทีเอ็มบีคาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โตร้อยละ 4.2 เงินบาททิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง คาดแตะระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายนริศ สถาผลเดชา เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2561 มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 4.2 สูงกว่าประมาณการเดิมที่ร้อยละ 3.8 สอดคล้องกับทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่เข้มแข็งมากขึ้นและปัจจัยหนุนจากการส่งออกของไทยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.8 มูลค่าการส่งออกเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 20.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าหลายปีที่ผ่านมา โดยเป็นการเติบโตทุกตลาดและสินค้าสำคัญ เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เหล็ก อาหาร และยางพารา เป็นต้น ซึ่งการส่งออกไปจีนจะเติบโตร้อยละ 8 จากความต้องการสินค้าของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงยางพาราเพื่อใช้ผลิตยางรถยนต์ รองลงมา คือ ตลาด CLMV
ขณะเดียวกันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกนำไปสู่การดำเนินนโยบายการเงินทิศทางที่ผ่อนคลายลดลง คาดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการปรับดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ส่วนค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่องปีนี้ คาดแตะระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นปี 2561 ที่ระดับ 32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มขยายดีต่อเนื่อง คาดว่าจะเห็นการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้น จากการส่งออกที่มีทิศทางสดใส การลงทุนภาครัฐคาดขยายตัวถึงร้อยละ 12 หากพิจารณางบลงทุนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจจะมีเม็ดเงินรวมแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท การท่องเที่ยวเติบโตดีต่อเนื่อง คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 37 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 จากการเติบโตแทบทุกตลาดนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวหลักยังเป็นชาวจีน เอเชียตะวันออก และอาเซียน ตามลำดับด้านการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มทรงตัว คาดขยายตัวร้อยละ 3 จากปัจจัยสนับสนุนการบริโภคยังไม่เข้มแข็ง ทั้งรายได้นอกภาคการเกษตรและรายได้ภาคเกษตร ด้านตลาดการเงิน คาดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะค่อย ๆ ปรับตัวจากร้อยละ 1.5 สู่ระดับร้อยละ 2 ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องและแนวโน้มดอกเบี้ยโลกขาขึ้น
ส่วนการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ปี 2561 มีแนวโน้มดีขึ้น ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและมาตรการส่งเสริมการลงทุนภาครัฐ สินเชื่อโดยรวมมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 5.3 โดยการขยายตัวของสินเชื่อมาจากการเติบโตของธุรกิจขนาดใหญ่ ส่วนธุรกิจเอสเอ็มอีและสินเชื่อรายย่อยยังคงทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้านสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต่อสินเชื่อรวมมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจดีขึ้น และแนวโน้มการก่อตัวของเอ็นพีแอลใหม่ ลดลงด้วย ส่วนเงินฝาก มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 5.5. – สำนักข่าวไทย