กรุงเทพ 22 พ.ย.- รวบแล้ว “วรรณา สวนสัน” คาสนามบินสุวรรณภูมิ หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีระเบิดแยกราชประสงค์เมื่อปี 2558
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ส.ค.58 เวลาประมาณ 18.50 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ (ศาลพระพรหมเอราวัณ) แขวงลุมพิณี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก คดีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อด าเนินคดีกับคนร้าย (คดีอาญาที่ 1172/2558 ของ สน.ลุมพินี) และต่อมาได้มีการจับกุมตัว นายไบลาล มูฮัมมัด และ นายไมไรลี ยูซูฟูรวม 2 ราย นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีส่วนผู้ต้องหาที่เหลือจำนวน 15 รายได้หลบหนี ศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับและสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายที่เหลือมาดำเนินคดีโดยเร็ว
ต่อมาวันนี้ (22 พ.ย.) เวลาประมาณ 12.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร., พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช รรท.ผบช.น., พ.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รรท.รอง ผบช.ส., พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ประจำ บช.ก. ได้สืบทราบทางการข่าวว่า นางสาววรรณา หรือ ไมซาเราะ สวนสัน อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 232 หมู่ 6 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าว จะเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย โดยผ่านทางช่องทางสนามบินสุวรรณภูมิจึงได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ร่วมกันจับกุมตัว นางสาววรรณา ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย และทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง, พาอาวุธ(วัตถุระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธรณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามหมายจับ ศาลทหารกรุงเทพ เลขที่ 84/2558 ลงวันที่ 25 ก.ย.58 นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.-สำนักข่าวไทย