สหประชาชาติ 19 ต.ค.- สหประชาชาติตำหนิรัฐบาลเมียนมาว่าล้มเหลวในการคุ้มครองชาวโรฮิงญาให้รอดพ้นจากการถูกเข่นฆ่าในรัฐยะไข่ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าสถานการณ์ในเมียนมาเข้าข่ายเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่
แถลงการณ์ของที่ปรึกษาพิเศษสหประชาชาติหรือยูเอ็นระบุว่า รัฐบาลเมียนมาไม่สามารถตอบสนองข้อเรียกร้องของนานาชาติได้ ในการให้ความคุ้มครองแก่ชาวมุสลิมโรฮิงญา ให้รอดพ้นจากการกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนในรัฐยะไข่ ทั้งๆที่ยูเอ็นและอีกหลายองค์กรเคยมีคำเตือนเมียนมาไปแล้วเรื่องการจัดการกับวิกฤติในรัฐยะไข่ แต่ผลที่ออกมาก็ยังล้มเหลวโดยรัฐบาลไม่สามารถทำตามพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศได้
เหตุการณ์รุนแรงรอบใหม่ในรัฐยะไข่ที่ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ส่งผลให้ชาวโรฮิงญาพากันหนีตายจากการถูกทหารเมียนมาปราบปราม เข้าไปในบังกลาเทศแล้วกว่า 5 แสนคน และยังคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยูเอ็นระบุว่าสถานการณ์ในรัฐยะไข่เป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญาพร้อมกับเรียกร้องให้เมียนมายุติปฏิบัติการทางทหารในรัฐยะไข่ทันที รวมทั้งเปิดทางให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เข้าไปช่วยเหลือและอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาเดินทางกลับมาได้อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยูเอ็นยังไม่ตัดสินใจว่าสถานการณ์รุนแรงในรัฐยะไข่นั้น เข้าข่ายเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่ โดยเวลานี้คณะทำงานของยูเอ็นกำลังลงพื้นที่เพื่อรวบรวมหลักฐานจากผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญากว่า 5 แสนคนในบังกลาเทศ.-สำนักข่าวไทย