4 พ.ค. – กทม. เผยความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายเหตุอาคารสำนักงาน สตง. ถล่มจากแผ่นดินไหว เจาะถึงชั้นใต้ดินแล้วกว่าครึ่ง ย้ำทำต่อจนกว่ามั่นใจไม่มีผู้รอดชีวิตเหลือ
นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในเขตจตุจักร ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า เจ้าหน้าที่สามารถเปิดพื้นที่ค้นหาได้แล้วในหลายโซน โดยยังคงมีจุดเสี่ยงที่ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง
ในโซน D เจ้าหน้าที่สามารถเปิดถึงพื้นชั้นหนึ่งได้ครบทั้งหมดแล้ว ขณะที่โซน C2 และ C3 ซึ่งอยู่บริเวณทางเชื่อมระหว่างอาคารหลักกับอาคารจอดรถด้านหลัง ยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นชั้นใต้ดินได้ เนื่องจากซากอาคารถล่มลงมากดทับ ทำให้ความสูงจากพื้นชั้น 1 ถึงพื้นชั้นใต้ดินเหลือเพียงไม่ถึง 1 เมตร จากเดิมที่ชั้นใต้ดินมีความสูงถึง 4 เมตร โดยขณะนี้เหลืออีกประมาณ 50 เซนติเมตร ก็จะสามารถเข้าถึงพื้นของชั้นใต้ดินได้
บริเวณปล่องลิฟต์ ทีมสอบสวนคดีชุดเก็บหลักฐาน ได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว และขอให้สงวนพื้นที่บางส่วนไว้เพื่อการเก็บหลักฐาน ขณะเดียวกันมีแผนเปิดพื้นที่เพิ่มเติมบริเวณโถงลิฟต์หน้า-หลัง ที่อยู่ห่างจากอาคารจอดรถประมาณ 2 เมตร เพื่อลงไปให้ถึงพื้นชั้นล่างเช่นกัน
ในส่วนของโซน A4 จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR ที่ได้ค้นพบทางเข้าใต้พื้นโซน D4 ซึ่งเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ว่างกว้างประมาณ 10 × 15 เมตร และมีความสูงประมาณ 4 เมตร สามารถมุดเข้าไปได้ เมื่อเคลื่อนตัวเข้าไปในระนาบเดียวกับผนังกั้นดินด้านหน้า พบว่ามีคราบน้ำเหลืองและแมลงวัน ซึ่งเป็นจุดต้องสงสัยว่าอาจมีผู้สูญหายติดอยู่ โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเปิดซากอาคารบริเวณนี้ให้ถึงชั้นใต้ดินส่วนนี้ด้วย
นายสุริยชัยเปิดเผยว่า ภารกิจครั้งนี้เป็นงานหนัก ใช้เวลานาน และต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะภาคเอกชน ซึ่งได้ส่งเครื่องจักรหนัก เช่น รถหัวเจาะ มาช่วยดำเนินการต่อเนื่อง และบางส่วนถอนกำลังไปแล้วเนื่องจากมีภารกิจอย่างอื่น ปัจจุบันมีเครื่องจักรใช้งานอยู่ประมาณ 6 คัน หากมีเครื่องเสีย ก็ยังมีสำรองหมุนเวียนใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ปัญหาใหญ่คือการตัดผ่าเศษเหล็กและเสาโครงสร้างที่ยังมีความสมบูรณ์ ซึ่งต้องใช้เวลาในการตัดด้วยระบบแก๊สและการเจาะดึงด้วยแบ็กโฮ ทั้งนี้ หากสามารถเปิดพื้นที่โซน C2 และ C3 ได้ภายในวันนี้ ก็จะถือว่าเปิดพื้นที่ได้แล้วมากกว่าครึ่งหนึ่งของอาคารที่พังถล่ม
ด้านตัวเลขผู้สูญหายล่าสุด ณ เวลา 18.00 น. ของวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 มีผู้ประสบภัยรวม 103 ราย เสียชีวิตแล้ว 86 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และยังคงอยู่ระหว่างการติดตามอีก 8 ราย โดยทาง กทม. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าจะไม่ยุติภารกิจจนกว่าจะสามารถยืนยันได้ว่าไม่มีผู้ติดค้างอยู่ภายในซากอาคารอีก
สำหรับยอดผู้สูญหาย เมื่อวานได้หารือกับพนักงานสอบสวน ถึงข้อมูลที่แท้จริงว่ามียอดผู้สูญหายไปเท่าไหร่ หากพบผู้สูญหายครบ 103 ราย แล้วเลิกภารกิจก็มีความเสี่ยงในการทิ้งผู้สูญหายไว้ เป้าหมายคือการช่วยนำผู้ที่ติดอยู่ในซากตึกออกให้หมด จึงต้องมีการทำงานต่อจนกว่าจะไม่มีใครติดค้างอยู่ จนกว่าจะมีความชัดเจนว่าไม่มีใครติดค้างอยู่ โดยในในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมหารือเรื่องนี้กันอีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทั้งในส่วนของการค้นหาและการเก็บหลักฐาน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างปลอดภัย ครอบคลุม.-414-สำนักข่าวไทย