สน.ประชาชื่น 24 เม.ย. – พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. จี้ สตง.ส่งแบบ TOR เพื่อหาวิศวกรคนแรก นำข้อมูลต้นทางเทียบกรมโยธาธิการ กทม. เร่งออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมติดตามความคืบหน้าคดีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ถล่ม ที่ สน.บางซื่อ โดยภายหลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า คดีนี้ทางคณะพนักงานสอบสวนจะเร่งรัดในการทำคดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย ชิ้นส่วนงานเหล็ก 240 ชิ้น, ปูน 59 ชิ้นงาน ซึ่งได้มีการส่งตรวจกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังไปแล้ว อยู่ระหว่างรอผล
ในส่วนการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง คนควบคุมงาน และบริษัทออกแบบ ตอนนี้ได้สอบพยานเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปแล้ว 60 ราย โดยคำให้การและเอกสารทั้งหมดยังไม่ครบถ้วน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนต้องการเอกสารการคำนวณรูปแบบการก่อสร้าง ตั้งแต่ยื่น TOR เนื่องจากจะได้ทราบตัววิศวกรคนแรก เพื่อนำข้อมูลต้นทางไปเปรียบเทียบกับของกรมโยธาธิการกรุงเทพมหานคร ว่าข้อมูลตรงกันหรือไม่ ซึ่งทาง สตง.รับปากว่าจะเร่งรัดนำมาให้ โดยทางเราจะต้องรอผลในส่วนนี้ และจะนำผลทั้งการตรวจสอบชิ้นส่วนที่เกิดเหตุและเอกสาร TOR มาประกอบการดำเนินคดี หากพยานหลักฐานเพียงพอจะนำไปสู่การออกหมายจับทั้งนิติบุคคลและส่วนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ซึ่งเมื่อวานที่ตัวแทน สตง. มาที่ สน.บางซื่อนั้น เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทควบคุมงาน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีวิศวกรผู้เสียหายแจ้งความไว้ว่าถูกปลอมแปลงลายเซ็นในการแก้ไขแบบ และนำเอกสารที่ปลอมลายเซ็นมาเสนอให้ สตง. โดยทางตัวแทนของ สตง. แจ้งว่าในวันพรุ่งนี้จะนำเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาให้กับพนักงานสอบสวน
ส่วนกรณีนายปฏิวัติ ศิริไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัท พีเอ็นซิงค์โครไนซ์ จำกัด 1 ในกิจการร่วมค้า PKW ที่ สตง.จ้างควบคุมงานก่อสร้าง ได้มีการเรียกเจ้าตัวมาสอบปากคำไปทั้งหมด 2 ครั้ง โดยครั้งแรกได้เลื่อนเข้าพบ แต่ครั้งที่ 2 ได้เข้ามาให้การบางส่วน และขอกลับไปรวบรวมเอกสาร และจะนำมาให้ทางพนักงานสอบสวนในครั้งที่ 3
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่เร่งรัดดำเนินการในทุกมิติ โดยจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ปากคำ เพื่อนำไปสู่การออกหมายเรียกหรือหมายจับเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.-420-สำนักข่าวไทย