“ซิน เคอ หยวน” ส่งทนายโต้เหล็กได้มาตรฐาน

กรุงเทพฯ 21 เม.ย. – ซิน เคอ หยวน ส่งทนายแก้ต่างแทนผู้บริหาร ปฏิเสธไม่ใช่จีนเทา ยันผลิตเหล็กตามมาตรฐาน มอก. ที่ผ่านมาไม่เคยถูกร้องเรียนเหล็กตกมาตรฐาน เผยปฏิบัติตามคำสั่งกรมโรงงานทุกอย่าง ไม่เคยฝ่าฝืน แต่กลับถูกสั่งปิด และถูกเพิกถอน BOI ชั่วคราว ลั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม ชี้การเพิกถอน BOI ทำเสียบรรยากาศการลงทุน ส่วนเรื่องการปลอมใบกำกับภาษี ทนายเผยคดีอยู่ในกระบวนการศาล โดยซิน เคอ หยวน เป็นฝ่ายฟ้องกรมสรรพากร ล่าสุดเตรียมยื่นอุทธรณ์ BOI


นายปิยะพงศ์ คงมะลวน, นายสุรศักดิ์ วีระกุล และนายปัทมากร ภิญโญชัยพลกุล ทนายความ ตัวแทน บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ตั้งโต๊ะแถลงข้อเท็จจริงปมถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นที่ผลิตขึ้นโดยไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มอก. โดยนายปิยะพงศ์ ตัวแทนทีมทนายความฯ เปิดเผยว่า หลังการณ์เหตุอาคาร สตง.ถล่ม กระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าเก็บตัวอย่างเหล็กชนิดต่าง ๆ ไปตรวจ โดยผลการทดสอบจากสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยที่ออกมานั้น ทำให้เหล็กข้ออ้อยของบริษัทถูกเข้าใจว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มอก. ซึ่งส่งผลให้บริษัทได้รับความเสียหายมาก และบริษัทตกเป็นจำเลยสังคม จากการชี้นำสังคมให้เข้าใจว่า หนึ่งในสาเหตุหลักของการตึกถล่มครั้งนี้ มาจากเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน และมาจากบริษัท ซิน เคอ หยวนฯ ที่มีสัญลักษณ์ ที่เหล็กเส้นว่า SKY ส่วนที่ออกมาชี้แจงช้าเพราะทางบริษัทเห็นว่า การชี้แจงไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคม และอาจถูกมองว่าเป็นการแก้ตัวมากกว่า และขณะนี้หลายฝ่ายอยู่ระหว่างการหาสาเหตุที่ทำให้อาคาร สตง.ถล่ม จึงเชื่อว่าในระยะเวลาอันใกล้ ข้อเท็จจริงจะค่อย ๆ ปรากฏ และว่าที่ผ่านมาก็มีนักวิชาการหลายคน ออกมาพูดว่า เหล็กเป็นสาเหตุส่วนน้อยที่ทำให้อาคาร สตง.ถล่ม จึงเชื่อว่าสาเหตุอาจมาจากการออกแบบ หรือ มาจากการลดสเปควัสดุก่อสร้าง

บริษัท ซิน เคอ หยวน ได้รับ BOI และได้มาตรฐาน ISO 9001 กำหนด ซึ่งเป็นไปตามที่ BOI กำหนด ส่วนความพยายามชี้นำว่า ซิน เคอ หยวน เป็นบริษัทจีนเทานั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะประกอบธุรกิจสุจริตมาโดยตลอด ปฏิบัติตามกฎหมาย มีการเสียภาษีถูกต้อง โดยในช่วง 5 ปีย้อน (ปี 2562-2566) หลังบริษัทเสียภาษีมากถึง 856 ล้านบาท ดังนั้นจึงไม่ใช่จีนเทา ที่ทำธุรกิจโดยที่ไทยไม่ได้ประโยชน์ และที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยถูกร้องเรียนเรื่องเหล็กไม่มีมาตรฐาน ส่วนการถูกกรมโรงงานสั่งหยุดประกอบกิจการชั่วคราว เป็นผลสืบเนื่องจากเหตุถังแก๊สระเบิดระหว่างเคลื่อนย้าย จนนำไปสู่การนำตัวอย่างเหล็กไปทดสอบมาตรฐานเหล็ก ช่วงปลายปี 2567 ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย โดยมีรายงานผล ว่า มีเหล็กไม่ผ่านมาตรฐานเรื่องค่าโบรอน ทนายความอ้างว่า ผลการทดสอบดังกล่าว ไม่สามารถนำมาอ้างอิงได้โดยชอบด้วยกฏหมาย เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบของสถาบันเหล็กฯ ไม่สามารถตรวจวัดค่าได้


ส่วนตัวอย่างเหล็ก ที่ สมอ.เก็บจากกองซากตึก สตง.ไปตรวจสอบ และพบเหล็กตกมาตรฐาน 3 ขนาด คือ เหล็กข้ออ้อย 12 mm – 20mm และ 32 mm ไม่ผ่านมาตรฐาน นั้น ตัวแทนบริษัทอ้างว่า การทดสอบดังกล่าวไม่เป็นธรรม เนื่องจากได้เก็บตัวอย่างเหล็กที่ผ่านการใช้งานไปแล้ว โดยการทดสอบค่ามาตรฐานต่าง ๆ ของเหล็กจะใช้เหล็กใหม่ แต่เหล็กที่นำไปตรวจนั้น ผ่านการใช้งาน และถูกกระทำมาแล้ว ส่วนกรณีฝุ่นแดงที่ตรวจพบภายในโรงงานว่า มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นผิดปกติ ตัวแทนบริษัท ชี้แจงว่า ที่โรงงานเรียกว่าเป็นฝุ่นดำ ส่วนปริมาณที่เพิ่มขึ้นนั้น อาจมาจากความผิดพลาดของระบบออนไลน์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งทางบริษัทได้ชี้แจงรายละเอียดให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยองแล้ว

ส่วนกรณีกรมสรรพากร ส่งข้อมูลให้ดีเอสไอ ระบุ ซิน เคอ หยวน ส่งใบกับกับภาษีปลอมให้นั้น ตัวแทนบริษัทระบุ เรื่องนี้เป็นคดีอยู่ในระหว่างชั้นศาล โดยบริษัทเป็นผู้เสียหาย แต่ขอไม่ให้รายละเอียด

เมื่อถามถึงกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เซ็นสั่งให้ยกเลิก เหล็ก Induction Furnace หรือ IF ประกอบการการยกเลิก BOI ทางบริษัทจะดำเนินการอย่างไรต่อ ตัวแทนบริษัทระบุว่า บริษัท รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่ผ่านมาทำตามกฎหมายทุกอย่าง และส่วนตัวมองว่า การตรวจสอบของหน่วยงานรัฐลักษณะดังกล่าว ทำให้บรรยากาศลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเปลี่ยนไป ส่วนบริษัทจะตัดสินใจถอนการลงทุนจากประเทศไทยหรือไม่ ทางทีมกฎหมายไม่สามารถตอบแทนบริษัทได้ บริษัทเตรียมยื่นอุทธรณ์ ประเด็นถอนสิทธิ์บีโอไอชั่วคราวเร็ว ๆ นี้


อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงของการแถลงข่าว สื่อมวลชนพยายามจี้ถามทางตัวแทนบริษัทซิน เคอ หยวน เกี่ยวกับผลทดสอบเหล็กก่อสร้างตึก สตง. โดยสถาบันเหล็กฯ ซึ่งตกมาตรฐาน แต่กลับไม่ได้คำตอบที่เป็นรายละเอียดในเชิงลึก เช่นเดียวกับประเด็นอื่น ๆ. -517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

สาวใจเด็ด โดดจยย.รับจ้าง วิ่งตามรถตัวเองหลังตามหา 1 ปี

กทม. 18 พ.ค. – สาวใจเด็ด โดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วิ่งไล่รถตัวเอง หลังตามหาและผ่อนกุญแจเปล่ามานานกว่า 1 ปี พบเพื่อนสนิทนำรถไปค้ำประกันกับเจ้าหนี้ จากกรณีคลิปที่มีการแชร์ในโซเซียล ขณะผู้หญิงใส่เสื้อลายกำลังวิ่งไล่ตามรถเก๋งสีขาว พร้อมตะโกนให้คนช่วย จนพลเมืองดี ช่วยกันเข้ามารายล้อมรถและคนขับรถเก๋งต้องเลี้ยวเข้าซอย เพื่อลงมาเคลียร์ ก่อนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ล่าสุดทีมข่าวเปิดใจ สาวที่ปรากฏในคลิป เล่าถึงสาเหตุที่ต้องเข้าไปขวางรถยนต์คันนี้ เพราะว่าเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ตนเองได้ซื้อรถเก๋งคันนี้ ทะเบียนขอนแก่น และนำรถไปฝากจอดไว้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นห้องของแฟนเพื่อนสนิท แต่หลังจากที่นำรถไปฝาก ก็ไม่เคยได้พบรถตัวเองอีกเลย โดยเพื่อนสนิท อ้างว่าแฟนเอาไปขับ ทุกครั้งที่ทวงถามหารถ จะมีการบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา จนในที่สุด ตนเองก็เข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหารถ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ก็ยังตามหาไม่ได้ ตนเองจึงต้องผ่อนกุญแจเปล่า มาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม […]

ข่าวแนะนำ

ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้”

กาญจนบุรี 19 พ.ค. – ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 4 ราย อุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้” ตั้งข้อหาหนักหลายกระทง ล่าสุด ครอบครัวรับศพแล้ว เผยผลชันสูตร กระสุนเจาะศีรษะ 2 นัด เป็นเหตุเสียชีวิต พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีล่าตัวแก๊งอุ้มฆ่า นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้จับกุม นายธนเดช หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า ดีเจเตเต้ แล้ว ส่วนอีก 4 คน ศาลอนุมัติหมายจับ ประกอบด้วย นายณรงค์เดช, นายภคณัท, นายนพพิจิตร และนายธราเทพ ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ใน 5 ข้อหาหนัก ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

ตามหา “เจ๊แก้ว” ใส่ทอง 20 บาท หายตัวไป 2 วัน

สุราษฎร์ธานี 19 พ.ค. – ยังไร้วี่แวว “เจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียน หายตัว 2 วัน พร้อมทองหนัก 20 บาท-เงินสด 1 แสน สามีวอนตำรวจ-พลังโชเชียลช่วยตามหา หวั่นเกิดเหตุร้าย เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ญาติของ น.ส.สุจิตรา หรือเจ๊แก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของแผงทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ว่า น.ส.สุจิตรา หายตัวไปวันที่ 17 พฤษภาคม หลังจากเสร็จงานที่แผงทุเรียน และกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กม. ช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. น้องสาวของเจ๊แก้ว เล่าว่า วันนั้นตนได้โทรศัพท์คุยกับพี่สาวและทราบว่าพี่สาวกำลังจะออกจากแผงทุเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เห็นผิดสังเกตว่าพี่สาวยังมาไม่ถึงบ้านเลยพยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับ ปกติแล้วพี่สาวได้สวมใส่สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท เลทข้อมือทองคำน้ำหนัก 10 บาท […]

“บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบบัญชีวัดเพิ่มอีกรวม 49 บัญชี

นครปฐม 19 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบตู้บริจาค 185 ตู้ บัญชีวัดรวม 49 บัญชี รอตรวจสอบเส้นเงินที่ชัดเจน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ สตง. และเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา เข้าตรวจสอบข้อมูลการเงินเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ภายในห้องการเงิน วัดไร่ขิง ก่อนที่ในช่วงบ่ายพระครูปฐมธีรวัฒน์ (บัญชา ฐิตธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้เป็นตัวแทนนำ จนท.ออกมาชี้จุดตั้งตู้บริจาคปัจจัยที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด พบว่ามีตู้บริจาคทั้งหมด 185 ตู้ ซึ่งหลังจากใช้เวลาตรวจสอบบัญชีเพิ่มเติมกว่า 8 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่าการตรวจสอบในวันนี้ ไม่ได้ เป็นการสอบปากคำ แต่เป็นเพียงการเรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีการเงินของวัดประมาณ 10 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารจาก 4 ธนาคาร เข้ามาให้ข้อมูล เพื่อหาข้อสรุปว่า บัญชีของวัดมีกี่บัญชี ซึ่งทำให้พบบัญชีวัดเพิ่มขึ้นจากที่พบก่อนหน้านี้ 20 กว่าบัญชี (ใน 20 กว่า มีบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส […]