ตลท.สั่ง “GLOCON-WAVE” ชี้แจงงบการเงิน ภายใน 21 เม.ย.นี้

กรุงเทพฯ 8 เม.ย.- ตลท.สั่ง GLOCON และ WAVE ชี้แจงงบการเงินภายใน 21 เม.ย.นี้ โดย GLOCON แจงปมยกเลิกลงทุนใน ALT 98 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้เงินมัดจำคืน-ขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้น 40% และ WAVE แจงปมด้อยค่ารายการในใบรับรองพลังงานหมุนเวียนกว่า 1 พันล้านบาท ส่งผลขาดทุน 774 ล้านบาท


ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (GLOCON) ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2567 โดยผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตดังนี้ (1) บริษัทยังไม่ได้รับเงินมัดจำคืนจากการยกเลิกการลงทุน2.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (98 ล้านบาท) และ (2) ความไม่แน่นอนอย่างมีสาระสำคัญต่อการดำเนินงานต่อเนื่อง กรณีข้างต้นอาจกระทบต่อฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และการขยายธุรกิจของบริษัท โดยขอทราบความเห็นของคณะกรรมการบริษัทภายในวันที่ 21 เมษายน 2568 นอกจากนี้ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินและติดตามคำชี้แจงของบริษัท
 
สรุปเหตุการณ์และข้อมูลสำคัญในงบการเงินประจำปี 2567

  • เงินมัดจำเพื่อลงทุนใน Agri Life Trading L.L.C. (ALT)
    o พ.ย.66 บริษัทลงนามทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับ ALT (จดทะเบียนในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกอบธุรกิจซื้อขายสินค้า เช่น ธัญพืช เมล็ดพืช น้ำมันพืช น้ำมันปาล์ม เป็นต้น) เพื่อซื้อกิจการของALT และวางเงินมัดจำกับผู้ถือหุ้นของALT 2.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (98 ล้านบาท)
    o มี.ค.67 บริษัทแจ้งว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบสถานะและประเมินมูลค่ากิจการของ ALT คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย.67 ต่อมาขยายเวลาเป็นเดือนส.ค.67
    o ก.ย.67 บริษัทแจ้งยกเลิกการลงทุนใน ALT เนื่องจากได้รับข้อมูลไม่เพียงพอต่อการตรวจสอบและประเมินมูลค่ากิจการ และอยู่ระหว่างดำเนินการติดตามเงินมัดจำคืน รวมทั้งบริษัทตั้งด้อยค่าเงินมัดจำดังกล่าวทั้งจำนวน โดยงบปี 67 ผู้สอบบัญชียังคงมีข้อสังเกตในเรื่องดังกล่าวและบริษัทยังอยู่ระหว่างดำเนินการติดตามเงินมัดจำคืน
  • ความไม่แน่นอนอย่างมีสาระสำคัญต่อการดำเนินงานต่อเนื่อง ปี 67 มีขาดทุนสะสม 1,137 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 40%)

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอทราบความเห็นของคณะกรรมการบริษัท ดังนี้


  1. การพิจารณาความสามารถในการดำเนินการตามสัญญาของคู่สัญญาและการให้วางหลักประกัน ณ วันที่อนุมัติเข้าทำรายการ และความสมเหตุสมผลของการจ่ายเงินมัดจำ รวมถึงผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ แผนการขยายธุรกิจ และสภาพคล่องของกลุ่มบริษัท
  2. นโยบายการลงทุนในอนาคต ความเสี่ยงและการป้องกันความเสี่ยงจากการเข้าลงทุนและไม่ได้เงินมัดจำคืนหรือมีข้อพิพาท เช่น การให้วางหลักประกัน เป็นต้น
  3. ความคืบหน้าในการติดตามเงินมัดจำคืน กรณีที่ยังไม่แล้วเสร็จ ขอให้บริษัทเปิดเผยการดำเนินการพร้อมกับการนำส่งงบการเงินทุกไตรมาสหรือเมื่อมีความคืบหน้าในการดำเนินการใด ๆ ที่สำคัญ จนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ.-516-สำนักข่าวไทย

นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) (WAVE) ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2567 โดยผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน เนื่องจากไม่สามารถได้รับหลักฐานการตรวจสอบที่เหมาะสมอย่างเพียงพอในการกำหนดราคาที่คาดว่าจะขายได้ของใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (I-REC(E)s) ส่งผลให้มีการบันทึกด้อยค่ารายการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ I-REC(E)s รวม 1,031 ล้านบาท ส่งผลให้ปี 2567 มีผลประกอบการขาดทุน 774 ล้านบาท ทั้งนี้ ขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 16 เมษายน 2568 สำหรับความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบขอให้ชี้แจงภายในวันที่ 21 เมษายน 2568 นอกจากนี้ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินและติดตามคำชี้แจงของบริษัท

ข้อมูลสำคัญในงบการเงินประจำปี 2567

  1. บจก. เวฟ บีซีจี (บริษัทย่อย 74%) ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาและให้บริการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (I-REC(E)s) ปี 2567 มีรายได้ 6 ล้านบาท และด้อยค่าสินทรัพย์และหนี้สินที่เกี่ยวข้องกับ I-REC(E)s รวม 1,031 ล้านบาท ได้แก่
    (1.1) ด้อยค่าสินค้าคงเหลือ 589 ล้านบาท (55% ของมูลค่า) โดยที่ในปี 2567 บจก. เวฟ บีซีจี ได้ถือครอง I-REC(E)s เพิ่มขึ้นจาก 682 ล้านบาท เป็น 1,066 ล้านบาท
    (1.2) ด้อยค่าเงินจ่ายล่วงหน้าในสัญญาระยะยาวเพื่อซื้อ I-REC(E)s ที่ยกเลิกไม่ได้ 139 ล้านบาท(41% เงินจ่ายล่วงหน้า) และขาดทุนจากสัญญาระยะยาวดังกล่าวอีก 303 ล้านบาท จากการที่บริษัทต้องชำระเงินภายใน 5ปี รวม 1,077 ล้านบาท ทั้งนี้สัญญาดังกล่าวเป็นการทำรายการกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน 513 ล้านบาท
  2. บจก. เวฟ บีซีจี ได้ทำสัญญาขอขยายเวลาชำระเงินค่าซื้อ I-REC(E)s สรุปดังนี้
    (2.1) สัญญาที่มีกำหนดชำระในปี 2567 จำนวน 315ล้านบาท ขอขยายเวลาเป็นภายในมีนาคม 2568โดยจะได้รับ
     คืนเงินมัดจำ 65 ล้านบาท เมื่อชำระค่าสินค้าครบถ้วน
    (2.2) สัญญาที่มีกำหนดชำระเดือนพฤษภาคม 2568จำนวน 442 ล้านบาท (เป็นรายการกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน
     128 ล้านบาท) ขอขยายเวลาเป็นภายในเดือนมกราคมและมีนาคม 2569 และชำระดอกเบี้ยอัตรา 4%

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ WAVE ชี้แจงข้อมูลดังนี้


  1. อธิบายหลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาซื้อ I-REC(E)s เนื่องจากมีความแตกต่างจากอัตราค่าพลังงานสีเขียว Utility Green Tariff (UGT1) ที่นำมาอ้างอิงเพื่อประเมินมูลค่า จนเป็นเหตุให้ต้องบันทึกด้อยค่ารวม 1,031 ล้านบาท
  2. นโยบายในการบริหารสินค้าคงเหลือ I-REC(E)s ซึ่งรวมถึงการทำสัญญาระยะยาวเพื่อซื้อใบรับรองดังกล่าว ลักษณะลูกค้าของบริษัท มาตรการดูแลเพื่อไม่ให้เกิดการด้อยค่าหรือขาดทุน การจัดการและการบริหารความเสี่ยงต่อสินทรัพย์ที่มีอยู่ และภาระผูกพันตามสัญญาสั่งซื้อระยะยาว
  3. สรุปรายละเอียดของคู่ค้าที่เป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกัน ได้แก่ ชื่อบริษัท การประกอบธุรกิจ ลักษณะความสัมพันธ์ การกำหนดราคาและเงื่อนไขการค้า รวมทั้งบริษัทได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศว่าด้วยรายการที่เกี่ยวโยงกันแล้วหรือไม่ อย่างไร
  4. แนวทางในการบริหารจัดการสภาพคล่องและแหล่งเงินทุนเพื่อชำระค่าซื้อ I-REC(E)s ตามภาระผูกพันสัญญาระยะยาวที่คงค้าง รวมทั้ง บจก. เวฟ บีซีจี ได้ชำระค่าซื้อ I-REC(E)s จำนวน 315 ล้านบาท ที่ครบกำหนดเดือนมีนาคม 2568 และได้รับคืนเงินมัดจำ 65 ล้านบาท ครบถ้วนแล้วหรือไม่ อย่างไร
  5. ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับความเหมาะสมของการบริหารจัดการและแนวทางบริหารความเสี่ยงของธุรกิจ I-REC(E)s และความเพียงพอของการกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อย.-516-สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนาม ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 29 ก.ค.-เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่ รวมทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่มีการปะทะรุนแรง และก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามยั่วยุในลักษณะต่างๆ เช่น การขึ้นมาร้องเพลง และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ก็เชิญชวนให้คนไทยมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธม โดยยืนยันว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย และได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งนี้ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่เกิดเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ด้วยเหตุว่ากัมพูชาพยายามจะเข้ามายึดพื้นที่ปราสาท ซึ่งเป็นจุดสูงได้เปรียบในเชิงจุดยุทธศาสตร์ ก่อนจะเกิดเหตุปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และนำมาสู่การเจรจาหยุดยิงโดยรัฐบาล 2 ประเทศ เมื่อวานนี้ จนกระทั่งมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายทหารในพื้นที่ 2 ประเทศในวันนี้ และทำให้เสียงปืนสงบลง.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์หลังข้อตกลงหยุดยิง หลายพื้นที่ยังปะทะเดือด

29 ก.ค.- ย้อนดูไทม์ไลน์ เหตุปะทะในหลายพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ถูกกำหนดในเวลาเที่ยงคืน สมรภูมิสำคัญตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม เดือดถึงขีดสุด เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่ ยิ่ง 30 นาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์ ทหารหน่วยรบพิเศษของไทย เข้าปะทะ “กองกำลัง BHQ” ที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างดุเดือด ก่อนที่ไทยจะยึดประสาทตาควายไว้ได้ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง แต่ปรากฏว่าเสียงปืนและระเบิด สงบลงหลังเส้นตายหยุดยิงเพียงไม่นาน ตลอดทั้งคืน ไทยยังถูกกัมพูชา ยิงยั่วยุ ยาวจนถึงเช้า ภาพนี้ทหารไทยได้ถ่ายเวลาจากนาฬิกา ในเวลา 06.29 น. ขณะได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชาระดมยิงใส่ฝั่งไทยไว้เป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี ว่าหลังจากมีการหยุดยิง ในเวลา 00.00 น. แล้ว พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือ ถูกก่อกวน โดยฝ่ายทหารกัมพูชา มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า พื้นที่ซำแต มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 05.30 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาไม่ยอมหยุด […]