ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ผลเสียการจ้องจอในที่มืด

Screenshot

การเล่นโทรศัพท์ในที่มืดจะส่งผลเสียต่อดวงตาอย่างไร มีวิธีการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลเสียได้อย่างไร ?


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธานวิชาการ ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย

คนในอดีต สามารถใช้ดวงตาได้อย่างยาวนาน 70-80 ปี ถึงจะเกิดภาวะเสื่อมของจอประสาทตา


ปัจจุบันเป็นที่น่ากังวลว่าคนเราใช้ดวงตาอยู่กับแสงประมาณ 20 ชั่วโมงต่อวัน เพราะนอกจากแสงจากธรรมชาติในช่วงกลางวันแล้ว บางคนยังมีการใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือ เป็นแสงอีกชนิดหนึ่งเข้าสู่จอประสาทตา

การเล่นมือถือ หรือจ้องหน้าจอในที่มืด ส่งผลเสียต่อดวงตา อย่างไร ?

ถ้าใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ เป็นเวลานาน โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แสงไม่เพียงพอ ทำให้รูม่านตาขยาย อาจทำให้จอประสาทตามีความเสียหายและเสื่อมในช่วงอายุก่อนวัยอันควร


นอกจากนั้น การอยู่ในห้องมืดหรือสถานที่แสงสว่างไม่เพียงพอ จะยิ่งทำให้การเพ่งทำได้ยาก ก็จะทำให้มองเห็นภาพไม่ชัด

กลไกการควบคุมปริมาณแสงที่จะเข้าสู่ดวงตาโดยธรรมชาติ เรียกว่า “รูม่านตา” และ “ม่านตา” โดยจะมีการปรับแสงคล้ายกล้องถ่ายรูป

กรณีที่แสงเข้าตามาก รูม่านตาจะหดให้เล็กลง เพื่อลดปริมาณแสงที่จะเข้าสู่จอประสาทตา

ในภาวะอยู่ในที่มืด แต่เราเล่นโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต จะทำให้รูม่านตาเข้าใจว่าแสงไม่พอ ก็จะเกิดการขยายรูม่านตามากกว่าการนั่งทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างเพียงพอ ทำให้แสงจากคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือ เข้าสู่ดวงตามากเกินความจำเป็น ก็จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดการทำงานของตัวจุดรับภาพของจอประสาทตามากยิ่งขึ้น และเกิดการเสื่อมเร็วขึ้น

อันตรายของแสงที่ทำให้เกิดการเสื่อมของจอประสาทตา เป็นภาวะที่เกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป

ในอดีต คนจะมีปัญหาจอประสาทตาเสื่อมที่อายุ 70-80 ปี

การจ้องจอของเด็กในที่มืด เกิดผลเสียหลายอย่างกับดวงตาได้

การที่เด็กใช้โทรศัพท์มือถือในห้องที่มืด หรือแอบเล่นโดยปิดไฟ นอกจากจะทำให้เกิดการเสื่อมของจอประสาทตา

การเพ่งเลนส์ตามาก ๆ อาจนำไปสู่ภาวะสายตาสั้นเทียม หรือทำให้เกิดความเสี่ยงภาวะสายตาสั้นจริงเกิดขึ้นเป็นมากขึ้นเร็วกว่าปกติได้

การใช้โทรศัพท์มือถือในที่มืดไม่ได้ทำให้ตาบอดฉับพลัน แต่อาจจะมีผลกระทบในระยะยาว ทั้งเกิดการเสื่อมจุดรับภาพของจอประสาทตา และเกิดภาวะสายตาสั้นเทียม หรือมีโอกาสเกิดสายตาสั้นจริงมากขึ้น

ปัจจุบัน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เด็กจะใช้เครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ผู้ปกครองควรกำหนดกติกาการใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ของเด็กอย่างเหมาะสม ทั้งการปรับสิ่งแวดล้อมและระยะเวลาในการใช้ อาจจะช่วยให้เด็กใช้สายตาได้อย่างปลอดภัย

หลักการใช้สายตา “จ้องจอ” สำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องทำงาน ดังนี้

การใช้สายตาทำงานจ้องจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ อย่างปลอดภัย มีหลักดังนี้

ทุก 20 นาทีของการใช้สายตามองใกล้ ควรพักสายตาด้วยการมองออกไประยะไกล 20 ฟุต เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 20 วินาที เพื่อให้ดวงตาปรับสภาพและลดการเพ่งที่มากเกินไป

นอกจากนั้น สิ่งแวดล้อมระหว่างการใช้สายตาก็มีความสำคัญ คือไม่มืดเกินไป หรือไม่ได้ยู่บริเวณที่มีแสงจ้าเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการแสบตา และแสงเข้าสู่ดวงตาปริมาณมาก

การจัดตำแหน่งคอมพิวเตอร์ หรือการใช้สายตาเล่นโทรศัพท์มือถือก็มีส่วนสำคัญ เพราะเวลาใช้สายตาควรเป็นมุมที่มองลงล่าง เพราะการเหลือบตามองขึ้นสูง จะยิ่งทำให้แสงเข้าสู่ดวงตามากขึ้น โอกาสการระเหยของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะตาแห้ง แสบตา ไม่สบายตา และเมื่อยตา

ผลเสียจากการใช้ดวงตาอย่างไม่ถูกต้องมีหลากหลาย ควรปรับพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ดวงตาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : ผลเสียการจ้องจอในที่มืด

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

เชียงรายพบสารหนูเกินมาตรฐานใน “น้ำกก” คาดจากเหมืองเมียนมา

สำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ เชียงราย ได้รับร้องเรียนว่า “น้ำกก” มีสีขุ่น เมื่อนำไปตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานหลายเท่า กระทบสุขภาพประชาชน คาดมาจากเหมืองแร่ทองคำในเมียนมา ผู้ว่าฯ เชียงราย เรียกประชุมด่วน

นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัยตึก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัย ค้นหาผู้สูญหายเหตุตึก สตง.ถล่ม พร้อมสอบถามถึงอุปสรรคในการทำงานและความต้องการเพิ่มเติม

ปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน

รองผู้ว่าฯ กทม. เผยยอดผู้เสียชีวิตเหตุตึกถล่ม ที่ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว อยู่ที่ 16 ราย และอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 78 ราย พร้อมแจงปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน