กรุงเทพฯ 20 มี.ค. – ทนายเมย์ ลั่นไม่ถอนแจ้งความ จนกว่าจะได้ทรัพย์สินคืนทั้งหมด เผยให้ผู้ถือทรัพย์ไปไล่บี้ “ดิว” เอง
นายเกรียงไกร อินทจันทร์ หรือ ทนายตั้ม ทนายความของเมย์-วาสนา เปิดเผยว่า เรื่องทรัพย์สินทั้งหมดของเมย์ พอจะทราบแล้วว่าอยู่ที่ไหน และได้คืนมา 1 ชิ้น คือ สร้อยมรกต lotus arts de vivre ส่วนทรัพย์สินรายการอื่น ก็มีการพูดคุยกันแล้ว และคาดว่าน่าจะได้คืนในเร็ว ๆ นี้ แต่ก็อยู่ในระหว่างการพูดคุยอยู่ ทั้งนี้ สร้อยมรกต lotus arts de vivre ได้คืนแล้ว แต่ในส่วนคดีความยังไม่ขอถอนแจ้งความในตอนนี้จนกว่าจะได้ของครบทุกชิ้น ซึ่งทางผู้ถือครองสร้อยมรกต lotus arts de vivre ตั้งใจจะมอบคืนให้กับคุณเมย์อยู่แล้ว และหลังจากนี้ก็จะไปดำเนินคดี ไล่บี้ กับทางคุณดิวเอง ทันทีที่คุณเมย์ทราบว่าได้สร้อยคืนแล้วก็ดีใจมาก เพราะว่าสร้อยดังกล่าวมีชิ้นเดียวในโลก
ส่วนทรัพย์สินชิ้นอื่นก็ทยอยพูดคุยเพื่อส่งคืนแล้วในเร็ว ๆ นี้ แต่รายละเอียด เราได้ยื่นข้อเสนอขอให้ทำเหมือนกับกรณีของการคืน สร้อยมรกต lotus arts de vivre ซึ่งหลังจากที่ได้ของคืนครบทุกชิ้นแล้ว เรื่องการถอนแจ้งความก็จะต้องพูดคุยกันอีกที ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ตอนนั้นด้วย แต่ตัวของคุณเมย์ ต้องการที่จะจบเรื่องนี้อยู่แล้ว เจ้าตัวไม่ประสงค์ที่จะให้เป็นคดีความ ทั้งหมดก็อาจจะจบตามเป้าประสงค์ของคุณเมย์ ส่วนหลังจากที่จบรายการโหนกระแสไปเมื่อวาน ได้พยายามทวงถามคุณดิว-อริศรา ว่าของอยู่ไหน คุณดิวได้ให้คอนแทคของคนที่ครอบครองทรัพย์สินแต่ละชิ้นมาให้ ซึ่งได้ส่งคอนแทคมาให้เมื่อคืน เป็นช่วงคาบเกี่ยวกับที่เจ้าของทรัพย์ติดต่อทางทีมทนายมาพอดี โดยในวันพรุ่งนี้มีการคุยกันเรื่องการคืนนาฬิการิชาร์ดมิลล์ รุ่น อาร์เอม 23 ด้วย
ทั้งนี้ ถ้าหากว่าไม่นำทรัพย์สินมาคืนก็จะต้องดำเนินคดี ซึ่งถ้าหากคุณดิวคืนทรัพย์สินทั้งหมดแม้ว่าเจ้าตัวจะอยู่ที่ต่างประเทศ ทางคุณเมย์ก็ไม่ติดใจอะไร ส่วนถ้าหากว่ากระบวนการมันล่วงเลยจนตำรวจออกหมายจับ ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ แม้ว่าทรัพย์สินทั้งหมดตกเป็นของกลางก็ตาม อย่างไรก็ตาม คุณดิวไม่ทราบว่าวันนี้จะมีการนำสร้อยมรกต lotus arts de vivre มาคืน ซึ่งหลังจากที่คุยกันเมื่อคืน คุณดิวก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย
ด้านนายศตาวิน นาคทองเพชร หรือ ซุง อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เปิดเผยหลังรายการโหนกระแส โดยให้สัมภาษณ์คล้ายกับในรายการโหนกระแส ยอมรับว่า ตนรู้สึกช็อก และเกินคำว่าช็อก เพราะตนเองอาจจะไม่รอบคอบเอง ทำไมจะให้ใครยืมเงินแล้วไม่ดูข้อกฎหมาย และเขียนสั่งจ่ายเช็คไปเลย ไม่มีสัญญาใดๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนให้ตนเองโตขึ้น และตนเองแค่อยากช่วยจริงๆ เพราะเซนซิทีฟกับเรื่องนี้ เห็นว่ากำลังท้องอยู่ด้วย ส่วนที่มองว่า ตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดคดีความนั้น ซุง บอกว่า “ถ้าพี่ดิวหรือใครต่าง ๆ คิดว่าผมเป็นต้นเหตุ ผมขอโทษด้วย ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นจริง ๆ มีเจตนาแค่อยากช่วยคน” แต่เมื่อเป็นคดีความแล้ว ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้มองคุณดิวเปลี่ยนไปหรือไม่นั้น เจ้าตัว บอกว่า หลังจากที่เขาคืนเงินมา ก็ไม่ได้มองอะไร เพราะตนเองก็ทำธุรกิจ ไม่ได้คิดถึงฝั่งพี่ดิวเลย คืนเงินก็จบ และตนเองก็แฮปปี้กับการทำธุรกิจ เลยไม่ได้ต้องมองว่าอย่างไร และตนเองก็ขออย่าไปด่าครอบครัวพี่เขา และหลังจากนี้ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย อยากให้พี่ดิวเข้มแข็ง เข้าใจว่าเรื่องมันหนัก และขอให้ผ่านไปได้ ซึ่งโอกาสมีให้สำหรับทุกคน และใครจะให้โอกาสใครหรือไม่ เป็นเรื่องของแต่ละคน และด้วยงานและชีวิตของตนเองไม่ได้เจอพี่ดิว เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้รู้จักส่วนตัว แต่ถ้าเจอก็ยกมือไหว้ได้ปกติ ไม่ได้โกรธ เพราะเขาคืนเงินผมครบแล้ว แต่อาจจะช้กช้าหน่อย. -414-สำนักข่าวไทย