นุก 14 มี.ค.-ดินแดนกว้างใหญ่ในแถบอาร์คติกซึ่งยังเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดพื้นที่กว่า 2 ล้านตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 4 เท่าของประเทศไทย กลายเป็นจุดสนใจของทั่วโลกจากคำประกาศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ หลายครั้งหลายคราว่า จะเข้าครอบครองให้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเพื่อความมั่นคงของสหรัฐ แม้ว่า รัฐบาลกรีนแลนด์ และ รัฐบาลเดนมาร์กผู้ครองอธิปไตยเหนือกรีนแลนด์ บอกปัดว่า “ไม่ได้มีไว้ขาย” และ “ไม่ต้องการอยู่ใต้อาณัติของสหรัฐ” แต่นายทรัมป์ยืนกรานในหลายโอกาส

ประจวบเหมาะกับการเลือกตั้งใหญ่ของกรีนแลนด์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่กลายเป็นวาระสำคัญกำหนดชะตาอนาคตทางการเมืองของกรีนแลนด์ รวมไปถึงยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์โลก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สปอตไลท์จึงฉายลงไปยังกรีนแลนด์ที่มีประชากรเกือบ 6 หมื่นคน อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
แทบทุกพรรคมุ่งสู่เอกราชกรีนแลนด์
จากพรรคการเมือง 6 พรรคที่ลงชิงชัยนั้น มี 5 พรรคยกเว้นพรรคเดียวที่ต้องการให้กรีนแลนด์เป็นประเทศเอกราช แตกต่างกันที่ลำดับขั้นตอน ระยะเวลา และรายละเอียดปลีกย่อย อันเป็นไปตามการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ส่วนใหญ่ต้องการเป็นเอกราชจากเดนมาร์ก และไม่ต้องการอยู่ภายใต้อธิปไตยของชาติใดอีกแล้ว
พรรคการเมืองฝ่ายค้านคว้าชัย
ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการชี้ว่า พรรคเดโมคราติต (Demokraatit) พรรคฝ่ายค้าน ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 โดยพรรคนี้มุ่งเน้นนโยบายส่งเสริมภาคธุรกิจที่สนับสนุนให้กรีนแลนด์แยกตัวเป็นเอกราชจากเดนมาร์กแบบค่อยเป็นค่อยไป
ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ 1 วันหลังเลือกตั้ง (12 มีนาคม 2568) พรรคเดโมคราติตคว้าคะแนนนำ 29.9% พุ่งขึ้นจากเดิมในการเลือกตั้งเมื่อปี 2564 ที่ได้เพียง 9.1% และทิ้งห่างพรรคนาเลรัก (Naleraq) พรรคฝ่ายค้านอีกพรรคที่ต้องการแยกตัวเป็นเอกราชแบบรวดเร็ว ซึ่งได้คะแนน 24.5%
นายเยนส์-เฟรเดริก นีลเซน หัวหน้าพรรคเดโมคราติตและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเหมืองแร่ กล่าวเมื่อทราบผลเลือกตั้งเบื้องต้นว่า “ชาวกรีนแลนด์ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง และต้องการพัฒนาภาคธุรกิจเพื่อหนุนระบบสวัสดิการ”
สำหรับเรื่องเอกราชเขาย้ำจุดยืนของพรรคว่า “เราไม่ได้เร่งรีบอยากได้เอกราช แต่ต้องการวางรากฐานที่มั่นคงก่อน”
จากนี้ไป พรรคเดโมคราติต กำลังเริ่มเจรจากับพรรคการเมืองอื่นเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม
พรรครัฐบาลพลาดท่า แต่ยังยืนหยัดไม่ก้มหัวให้ทรัมป์
พรรครัฐบาลอินูอิต อาตาคาตซิกีต (Inuit Ataqatigiit) ของนายมิวเทอ อีเกอ ซึ่งร่วมรัฐบาลกับ พรรคซิอูมุต (Siumut) ได้คะแนนรวมกันเพียง 36% ลดลงจาก 66.1% ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2564 สองพรรคนี้สนับสนุนแนวทางสู่เอกราชอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน แต่ยังไม่รู้ว่าจะร่วมมือกันต่อหรือจะเข้าร่วมรัฐบาลใหม่หรือไม่
นายอีเกอ ยอมรับเสียงประชาชน ระบุว่าพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทรัมป์ยืนกรานเข้าครองกรีนแลนด์
ภายหลังทราบผลเลือกตั้ง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกำลังพบปะกับนายมาร์ก รุตเตอ เลขาธิการนาโต ในทำเนียบขาว ถูกยิงคำถามเรื่องนี้ว่ายังเป็นไปได้หรือไม่ เขาก็ยังยืนยันว่า สหรัฐต้องการครอบครองกรีนแลนด์เพื่อรักษาความมั่นคงของโลก
ยิ่งไปกว่านั้น ยังหันไปกล่าวกับเลขาธิการนาโต องค์กรความมั่นคงที่เดนมาร์กเป็นสมาชิกแต่นายทรัมป์กำลังถอยตัวออกห่างว่า จะพูดคุยกันเรื่องนี้ต่อไปด้วย ทำเอานาย รุตเตอ กระอักกระอ่วน กล่าวตอบแบบนักการทูตว่า “ตนไม่อยากเข้าไปร่วมพูดจาใด เพราะไม่ควรให้นาโตเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”
กรีนแลนด์ต้องร่วมใจต้านทรัมป์
เมื่อนายทรัมป์มีท่าทีเช่นนี้ นายอีเกอ นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งยังได้ยืนหยัดคัดค้าน นอกจากประณามแล้ว เขายังเห็นว่าต้องลงมือทำให้เป็นกิจลักษณะด้วยการเรียกประชุมผู้นำพรรคการเมืองทั้งหมดเพื่อแสดงจุดยืนร่วมกันต่อต้านความคิดของนายทรัมป์
นายเยนส์-เฟรเดอริก นีลเซน หัวหน้าพรรคเดโมคราติต ว่าที่ผู้นำรัฐบาลใหม่ก็ประสานเสียงไม่เห็นด้วยกับท่าทีของทรัมป์ โดยย้ำว่า ไม่เหมาะสมที่จะแสดงความคิดเห็นแบบนี้ และชาวกรีนแลนด์ต้องร่วมกันยืนหยัดต่อต้าน
กรีนแลนด์กับยุทธศาสตร์การเมืองโลก
กรีนแลนด์เป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ซึ่งเป็นพันธมิตรดั้งเดิมกับสหรัฐมาช้านาน เดนมาร์กมอบสิทธิในการปกครองตนเอง โดยควบคุมดูแลนโยบายต่างประเทศและความมั่นคง
ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ กรีนแลนด์อยู่ในมหาสมุทรอาร์กติก ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป และทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศแคนาดาในทวีปอเมริกาเหนือ พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,166,086 ตารางกิโลเมตร อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ แร่ธาตุ และน้ำมัน
การพยายามแทรกแซงจากต่างชาติมีมานานแล้ว แต่มีการส่งเสียงดังขึ้นจากนายทรัมป์ที่ในช่วงแรกมองกันว่าเป็นเรื่องตลก เมื่อเขาเสนอซื้อกรีนแลนด์เป็นครั้งแรกในปี 2562 ต่อมายังตอกย้ำในการหาเสียง และเมื่อกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเป็นวาระที่สองยังได้นำมาเป็นนโยบายหลักอย่างหนึ่ง โดยประกาศต่อรัฐสภาเลยว่า “อเมริกาต้องมาก่อน” นั้นรวมถึงการครอบครองกรีนแลนด์ ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง
สหรัฐเคยครอบครองกรีนแลนด์โดยพฤตินัยมาช่วงหนึ่งในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เดนมาร์กกำลังถูกนาซีเยอรมันรุกไล่ เพื่อไม่ให้กรีนแลนด์ตกอยู่ในมือของนาซีเยอรมนีและเพื่อปกป้องเส้นทางเดินเรือที่สำคัญในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ สหรัฐยังได้สร้างฐานทัพอากาศ ทูเล ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานีเรดาร์ที่คอยสังเกตการณ์และป้องกันภัยทางอากาศสำหรับสหรัฐและนาโต
Final Thoughts: โจทย์ยากของกรีนแลนด์
นอกจากความมั่นคงของโลกตามที่นายทรัมป์เน้นย้ำแล้ว บทบาทและความสำคัญของกรีนแลนด์ย่อมสูงขึ้นตามสภาพการเผชิญหน้าทางการเมืองโลกและเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันแย่งชิงดินแดนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุแห่งนี้จะดุเดือดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นในด้านสิ่งแวดล้อม โลกที่ร้อนขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้พื้นที่น้ำแข็งในอาร์กติกบางลง ซึ่งอาจทำให้เกิดเส้นทางผ่านตะวันตกเฉียงเหนือสำหรับการค้าระหว่างประเทศ และทำให้เกิดการแข่งขันกับรัสเซีย จีน และประเทศอื่น ๆ ในการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุในภูมิภาคอีกครั้ง ด้วยแรงกดดันที่ถาโถมที่อาจแทรกแซงกิจการและคุกคามผลประโยชน์ ชาวกรีนแลนด์ยังมีโจทย์ที่ต้องครุ่นคิดกันอีกอย่างหนักภายหลังการเลือกตั้งว่า ความเป็นเอกราชของพวกเขาจะสามารถรับประกันความเป็นอิสระอย่างมั่นคงได้อย่างไร.-812.-สำนักข่าวไทย