กทม. 8 มี.ค.- “โฆษก พปชร.” ซัด รัฐบาลไร้ปัญญาแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำให้ชาวนา เย้ย ยินดีให้ลอกนโยบาย พปชร.ย้ำ ต้องช่วยไร่ละ 1,000 บาท 20 ไร่ ถึงจะบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงนี้ได้
พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความเดือดร้อนของชาวนาจากราคาข้าวตกต่ำอย่างหนักว่า นอกจากรัฐบาลจะไร้มาตรการช่วยเหลือ เยียวยาให้กับชาวนาแล้ว ยังได้ผลักไสให้ชาวนาเปลี่ยนจากการปลูกข้าวไปปลูกกล้วยแทน ด้วยแนวฃคิดว่า ราคากล้วยดีกว่าราคาข้าว แสดงให้เห็นถึงรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพในการแก้ปัญหา ไม่มีความละเอียดเพียงพอและไม่เข้าใจถึงปัญหาอย่างลึกซึ้ง
“ในขณะนี้ข้าวนาปรังออกมาในตลาดเป็นจำนวนมาก ประกอบกับความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก ทำให้ราคาข้าวตกต่ำ แทนที่รัฐบาลจะมองให้ลึกถึงปัญหาอและเข้าใจความเดือดร้อนของชาวนาอย่างแท้จริง กลับไปแนะนำให้ชาวนาเปลี่ยนจากการปลูก“ข้าว”ไปปลูก“กล้วย” แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ และ ความสามารถในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่มีความรู้ความสามารถ เพียงพอ ทางพรรคพลังประชารัฐยินดีให้ลอกนโยบาย และการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำในรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งทำแล้วได้ผลแน่นอน” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า โครงการให้เงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินรายละ 10 ไร่ ซึ่งเกษตรกรจะได้เงินช่วยเหลือไม่เกิน 10,000 บาทนััน ไม่เพียงพอต่อการขาดทุนของชาวนา ซึ่งเดิมรัฐบาลสมัยพรรค พปชร. เป็นแกนนำ ได้ให้เงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินรายละ 20 ไร่ เกษตรกรหนึ่งรายได้เงินช่วยเหลือ ไม่เกิน 20,000 บาท ถึงจะเพียงพอที่จะบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นของชาวนาได้ในระดับหนึ่ง
“รัฐบาลคงจะอยู่แต่ในห้องแอร์ ไม่เคยลงไปนาไปสวน เลยไม่เข้าใจว่า เกษตรกรที่ปลูกปลูกข้าวและปลูกกล้วยเป็นคนละกลุ่มกัน พื้นที่และลักษณะการปลูกเป็นคนละแบบ อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการปลูกก็คนละแบบกัน การเปลี่ยนข้าวให้เป็นสวนกล้วย ต้องปรับสภาพดิน ขุดร่องน้ำ ทำคันเนินดิน การหาหน่อกลัวยและพันธุ์กลัวยที่ตลาดโลกต้องการไม่ใช่เรื่องง่าย ค่าใช้จ่ายในการปรับแปลงนาให้เป็นส่วนกล้วยมีราคาหลายหมื่นบาท และกว่าจะปลูกกล้วยได้ผลผลิตใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งปี ตลาดข้าวที่เคยขายอยู่ก็คนละตลาด ปัญหาซับซ้อนมากมาย และที่สำคัญในระหว่างที่ผลผลิตกล้วยยังไม่ออก ชาวนาจะเอาอะไรกิน“ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวเสนอแนะรัฐบาลด้วยว่า นอกจากการช่วยเหลือทางด้านการเงินแล้ว รัฐบาลจะต้องมีแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ในการแก้ไขปัญหาราคาข้าว ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น พัฒนารูปแบบและวิธีการปลูกให้เห็นได้ผลผลิตสูงขึ้น การใช้เทคโนโลยีเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุนและทดแทนการใช้แรงงาน ส่งเสริมให้มีการปลูกข้าวคุณภาพดีและมีราคาสูงให้เป็นที่นิยมของตลาดโลก กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศต้องให้การสนับสนุนและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก การจับกลุ่มหรือจับคู่ค้า เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าเข้ากับสินค้าที่นำเข้าเพื่อสร้างราคาหรือลดการขาดดุล
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวทิ้งท้ายว่า การที่รัฐบาลคงแข็งค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่สูงเกินความจำเป็น ทำให้มีผลกระทบต่อรายได้ชาวนา ชาวไร่ และเกษตรกร ตลอดจนผู้ส่งออกรายอื่น ๆ ด้วย เพราะรายได้ที่ออกมาเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศมีมูลค่าลดลงเมื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทย ซึ่งคนในรัฐบาลหลายคน ยังไม่มีความเข้าใจเรื่องค่าเงิน
“ถ้ารัฐบาลไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ เปิดทางให้พรรคการเมืองอื่นเป็นแกนนำในการบริหารประเทศจะดีกว่าหรือไม่ ผมเกรงว่า เวลาไปเจอชาวไร่ ชาวนา เขาจะแจกกล้วยเอา”พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว.-319 -สำนักข่าวไทย