ย่างกุ้ง 3 ต.ค.- เจ้าหน้าที่เมียนมานำคณะทูตต่างประเทศและผู้แทนสหประชาชาติลงพื้นที่ในรัฐยะไข่ทางภาคเหนือเมื่อวันจันทร์ หลังจากกองกำลังรักษาความมั่นคงปราบปรามกลุ่มกบฏโรฮิงญาที่ก่อเหตุโจมตีในยะไข่ ทำให้ชาวมุสลิมโรฮิงญาต้องอพยพกว่า 500,000 คน
นายเย ทุต เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารเขตมองดอว์ในรัฐยะไข่ กล่าวว่า คณะเจ้าหน้าที่ทูตสามกลุ่มซึ่งไม่ได้ระบุว่ามีประเทศใดบ้าง ได้รับการรับรองไปยังพื้นที่ 3 แห่ง ภายหลังจากก่อนหน้านี้เมียนมาเผชิญเสียงวิจารณ์จากนานาประเทศที่ห้ามกลุ่มบรรเทาทุกข์ ผู้สื่อข่าว และบุคคลภายนอกเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์เอง และกำหนดการเยือนของเจ้าหน้าที่ทูตเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ยกเลิกไปกะทันหัน มีรายงานว่าชาวโรฮิงญากว่าครึ่งล้านคนอพยพหนีความรุนแรงไปบังกลาเทศภายในเวลาเพียงเดือนเศษ นับเป็นวิกฤตผู้อพยพครั้งใหญ่ที่สุดในเอเชียในรอบหลายสิบปี นายเอ.เอช. มาห์มู้ด อาลี รัฐมนตรีต่างประเทศบังกลาเทศเปิดเผยว่า เมียนมาได้มีข้อเสนอในการรับผู้อพยพชาวโรฮิงญากลับประเทศ และกล่าวว่าทั้งสองตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อเริ่มกระบวนการส่งกลับผู้อพยพ โดยทั้งบังกลาเทศและเมียนมาจะหาทางตกลงกันอย่างสันติ ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าเมียนมาจะตั้งเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการรับชาวโรฮิงญากลับประเทศอย่างไร ชาวโรฮิงญาจำนวนมากยังไม่ได้สัญชาติเมียนมา แม้หลายครอบครัวอาศัยอยู่ในประเทศมานานหลายรุ่นแล้ว .- สำนักข่าวไทย