8 ก.พ. – สอท. เร่งหาที่มาคลิปสายลับแอบส่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำร้ายชายคนหนึ่งอย่างทารุณว่อนโซเชียล เพจดังอ้างได้มาจากตำรวจ PCT ให้เผยแพร่
ทางเพจเขียนแคปชั่นระบุข้อความดังนี้ “นี่ไม่ใช่หนัง ไม่ใช่ตัวแสดงแทน นี่คือฉากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมียนมา กำลังทำร้ายเหยื่อที่ถูกพาตัวไปที่นั่น เป็นคลิปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมาให้เผยแพร่ ตำรวจ PCT ได้รับข้อมูลจากกลุ่มสายลับในตึกสแกมเมอร์ฝั่งประเทศเมียนมา ชายแดนแม่สอด ว่ามีตึกสแกมเมอร์บริษัทชื่อว่า Zhongfa” “ภายในตึกมีพนักงานที่ถูกกักขังอยู่ไม่ต่ำกว่า 800 คน มีหลายสัญชาติ เช่น ปากีสถาน, บังกลาเทศ, เอธิโอเปีย, ยูกันดา, ญี่ปุ่น, เคนยา และคนไทย โดยมีบอสเป็นชาวจีน สายลับภายในตึกให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีการทารุณกรรมที่โหดร้ายมาก สายลับได้แอบปีนขึ้นไปแอบบนฝ้าเพดาน เพื่อถ่ายคลิปวิดีโอนี้มาให้ ขณะที่มีการนำตัวชาวต่างชาติไปทารุณกรรม” โดยภายในวิดีโอจะเห็นได้ว่ามีชายรายหนึ่งถูกมัดมือไว้ด้านหลัง พร้อมกับมีชาย 2 ราย พยายามทำร้ายร่างกายด้วยการทุบตีและเตะ หนำซ้ำใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าอีกด้วย
ภายหลังคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเอาคลิปมาลงทำให้สายลับอาจเกิดอันตราย ล่าสุดทางเพจ Drama-addict ออกมาชี้แจงว่าคลิปดังกล่าวได้ข้อมูลจากทางตำรวจว่ามีคลิปนี้อยู่มาประมาณเดือนกว่า แต่ไม่สามารถเผยแพร่ได้ เพราะกังวลความปลอดภัยของสายในนั้นที่แฝงตัวเข้าไป เมื่อทางตำรวจคอนเฟิร์มมาว่าคนที่เกี่ยวข้องกับคลิปนั้นปลอดภัยแล้ว ให้ลงคลิปได้เลย เพื่อเป็นการเตือนภัย และแสดงให้เห็นว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นอันตรายและต้องถูกกวาดล้างโดยเร็วจริง ก่อนลงคลิปก็คอนเฟิร์มกับตำรวจอีกรอบว่าสายปลอดภัยแล้วชัวร์นะ ลงคลิปได้นะ ตำรวจก็ยืนยันว่าลงได้เลย จึงลงคลิปไป
สอท.ขอตรวจสอบคลิปแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำร้ายเหยื่อ
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยกรณีนี้ว่า เบื้องต้นทาง พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้ทาง บช.สอท. ตรวจสอบคลิปวิดีโอดังกล่าวว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ผู้ใดเป็นผู้เผยแพร่ เนื่องจากมีเพจเฟซบุ๊กชื่อดังได้กล่าวอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT ของ บช.สอท. เป็นผู้ส่งต่อให้เผยแพร่ ซึ่งขณะนี้ทางเรามีการดำเนินการตรวจสอบ 2 แนวทาง โดยทางที่หนึ่งคือการตรวจสอบว่าคลิปดังกล่าวมาจากตำรวจชุด PCT จริงหรือไม่ และต้องตรวจสอบภาพตามคลิปว่าเป็นการกระทำจากที่ใด แต่จากตามที่ปรากฏในข่าวคาดว่าเป็นฝั่งแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าผู้ถูกกระทำไม่ใช่คนไทย แต่ในจุดดังกล่าวมีคนไทยถูกหลอกไปอยู่เช่นกัน.-สำนักข่าวไทย