บ้านพระอาทิตย์ 6 ก.พ. – คณะทำงานพิสูจน์คดี “แตงโม” ตกเรือ ประกาศไม่ร่วมทีม “เต้-มงคลกิตติ์” ย้ำชัดเป้าหมายและแนวทางการทำงานต่างกัน เตรียมส่งโทรศัพท์มือถือแตงโมให้ดีเอสไอคืนนี้ ขณะที่ดีเอสไอเตรียมจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรืออีกครั้ง 17 ก.พ.68
อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีบังแจ็ค ที่จะส่งมอบโทรศัพท์มือถือของแตงโมให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ไปตรวจสอบ โดยระบุว่าเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อ 3 ปีที่แล้ว คุณแม่ของแตงโมยินยอมส่งมอบโทรศัพท์มือถือของแตงโมให้บังแจ็ค ซึ่งบังแจ็คได้กู้ไฟล์ที่ถูกลบออกไปกลับมาใหม่ทั้งรูปภาพและวิดีโอ ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจนำโทรศัพท์ของแตงโมไปตรวจสอบเกือบ 10 วัน และส่งคืน หลังจากนั้นพบว่าข้อมูลในโทรศัพท์ถูกลบ จึงส่งมอบโทรศัพท์เครื่องนี้ให้บังแจ็คโดยตรง และพบว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจหลายประเด็น โดยเฉพาะการพิสูจน์ทราบว่าข้อมูลเหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเราได้พิสูจน์จากพิกัดของโทรศัพท์เทียบกับ GPS ของเรือพบว่าข้อมูลสอดรับกันและมีพิรุธหลายประเด็น บังแจ็คจึงให้ความร่วมมือและส่งมอบโทรศัพท์มือถือของแตงโมกลับคืน ซึ่งข้อมูลได้ถูกกลั่นกรองผ่านนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าแล้ว ซึ่งบังแจ็คไว้ใจส่งมอบโทรศัพท์ให้เพียงแค่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม อาจารย์ปานเทพ และนายแพทย์ธวัชชัย 3 คนนี้เท่านั้น
นายแพทย์ธวัชชัย จึงออกค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดินทางไปรับโทรศัพท์จากบังแจ็คที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในคืนนี้และจะส่งมอบโทรศัพท์ให้เจ้าหน้าที่เอสไอ โดยมีการปิดถุงมาอย่างดี โดยยืนยันว่านายแพทย์ธวัชชัยไม่แตะต้องโทรศัพท์เลย
ส่วนคลิปวิดีโอใหม่ล่าสุด 2 คลิป ที่อาจารย์ปานเทพ เผยแพร่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา อาจารย์ปานเทพ ยืนยันว่าเป็นคลิปที่พบในโทรศัพท์ของแตงโมจริง ระบุวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 22.19 น. และ 22.22 น. ซึ่งเป็นคลิปที่ถ่ายขณะอยู่บนบก แต่คำให้การของคนบนเรือขัดแย้งกับคลิปวิดีโอ ซึ่งเชื่อว่ามีขบวนการพยายามดิสเครดิตของบังแจ็ค เพื่อไม่ให้เชื่อถือหลักฐานชิ้นนี้ และจากการตรวจสอบพบว่าเป็นบัญชีที่ไม่มีตัวตน เป็นบัญชีปลอม และเมื่อสืบค้นบัญชีเหล่านี้ย้อนหลังพบว่าเป็นขบวนการเครือข่ายเดียวกัน
ส่วนกรณีระหว่างนายอัจฉริยะ และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นายอัจฉริยะ ยอมรับว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้วตัวเองได้รับวงจรปิดจากนายมงคลกิตติ์จริง แต่ไม่เคยนำไปใช้ที่ศาลอาญา ซึ่งนายมงคลกิตติ์พูดไปเรื่อย ตัวเองใช้คลิปจากสื่อมวลชนเป็นหลัก หลังจากนั้นลูกน้องของนายมงคลกิตติ์ก็ถูกดำเนินคดี 1 คน ซึ่งตัวเองได้จ่ายเงิน 1.5 แสนบาท เพื่อจ้างทนายความให้มาช่วยต่อสู้เรื่องคดีให้กับลูกน้องของนายมงคลกิตติ์
ส่วนเหตุผลที่ไม่สามารถร่วมทีมกับนายมงคลกิตติ์ได้ เพราะว่ามีแนวทางและเป้าหมายในการดำเนินการต่างกัน นายมงคลกิตติ์ให้สัมภาษณ์ว่าเจ้าหน้าที่รัฐปฎิบัติหน้าที่โดยชอบ เพราะเวลาในการสืบสวนมีน้อย ซึ่งขัดแย้งกับแนวทางของคณะทำงาน แต่ก็ยังได้แนะนำว่า แม้เป้าหมายการทำงานจะต่างกัน ก็ยังมีช่องทางอื่นถ้าหากมองว่าเป็นคดีฆาตกรรมและจะต่อสู้เพื่อแตงโมจริง และก่อนหน้านั้นที่ตัวเองเคยไปขึ้นศาลได้พบกับทนายกฤษณะะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายความของคุณแม่แตงโม ในช่วงเย็น จึงได้พูดคุยกันนายอัจฉริยะยืนยันว่านายมงคลกิตติ์เป็นคนขัดขวางให้ทนายกฤษณะไปอยู่กับตนเอง วันต่อมาคุณแม่ของแตงโมก็ถอนฟ้อง
นายอัจฉริยะ เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้านี้มีนักการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีแตงโมเพื่อช่วยเหลือคนบนเรือ ซึ่งในตอนแรกพบมีแค่อดีต สว. แต่เมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่ายังมีนักการเมืองใหญ่ระดับประเทศที่ตำรวจและดีเอสไอเกรงใจ โดยช่วงเวลาเกิดเหตุพบว่านักการเมืองคนนี้โทรศัพท์เข้ามาหาคนบนเรือหลายสาย ซึ่งส่วนตัวก็รู้จักกับนักการเมืองคนดังกล่าวและได้พูดคุยกันแล้ว นักการเมืองคนนี้ยินดีให้ความร่วมมือในการสอบสวนกับเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ ได้ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ในการตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน โดยช่วงท้ายของการแถลงข่าวอาจารย์ปานเทพ ได้โชว์รูปภาพและคลิปวิดีโอใหม่ 2 คลิป ส่วนนายอัจฉริยะได้เปิดภาพนิ่งที่มีมือของบุคคลหนึ่งพร้อมผงสีขาวบนโต๊ะและหลอดพลาสติก โดยระบุว่าภาพนี้พบในโทรศัพท์มือถือของแตงโม ทั้งนี้ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะจำลองเหตุการณ์ตกเรืออีกครั้ง แต่จะไม่ใช่ลักษณะตกลงไปในน้ำ โดยจะใช้เครื่องยนต์เรือชนิดเดียวกันในวันเกิดเหตุมาพิสูจน์ด้วย. -419- สำนักข่าวไทย