กรุงเทพฯ 30 ม.ค.- สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย จัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว หรือ โฮโลคอสต์ แสดงจุดยืนและความมุ่งมั่นที่จะป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการต่อต้านความเกลียดชัง
วันที่ 27 มกราคมของทุกปี ได้รับการกำหนดให้เป็นวันรำลึกถึงผู้ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ซึ่งประมาณการว่ามีชาวยิวมากถึง 6,000,000 คน ต้องเสียชีวิตและทนทุกข์ทรมานภายใต้การปกครองของนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
พิธีรำลึกซึ่งสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยจัดขึ้นในปีนี้ มีบุคคลสำคัญเข้าร่วมจำนวนมาก เช่น ดร. แอ็นสท์ ไรเชิล เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย, นายโรเบิร์ต เอฟ โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย รวมทั้ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ตุลย์อิศรางกูร ณ อยุธยา จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย กล่าวในพิธีเปิด โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจดจำเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ซึ่งเกิดจากการไม่ยอมรับความแตกต่าง เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นอีก
ด้าน ดร. แอ็นสท์ ไรเชิล เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย กล่าวถึงบทบาทและจุดยืนของเยอรมนี ว่าจะไม่ลืมโศกนาฏกรรมในอดีต ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ตุลย์อิศรางกูร ณ อยุธยา ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องให้ความรู้แก่คนรุ่นใหม่เกี่ยวกับเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว
ในพิธีดังกล่าว ยังเปิดเวทีให้ผู้เข้าร่วมงานได้สนทนาแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับบทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว และสถานการณ์โลก โดยในช่วงหนึ่งมีการแสดงความเห็นว่า เหตุการณ์โฮโลคอสต์ผ่านไปแล้วถึง 80 ปี แต่ก็ยังคงเกิดหตุการณ์ทำนองเดียวกันขึ้นอีก เช่น เหตุโจมตีอิสราเอลอย่างโหดเหี้ยมของกลุ่มก่อการร้ายฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ชี้ให้เห็นว่า ความเกลียดชังและการไม่ยอมรับผู้แตกต่าง ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อมวลมนุษยชาติ ดังนั้น นานาประเทศทั่วโลกจึงต้องร่วมมือกัน ยึดมั่นในพันธสัญญาที่จะส่งเสริมให้ประชาคมโลกมีความอดทนอดกลั้น มีความเข้าใจกัน
ปีนี้ ยังถือเป็นวาระครบรอบ 80 ปีของเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวและการปลดปล่อยค่ายเอาชวิทซ์-เบอร์คาเนา ซึ่งเป็นค่ายกักกันและค่ายสังหารของนาซีที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด และได้รับการปลดปล่อยเมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2488 โดยถือเป็นเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์.-810