ตม.1 จับชาวเวียดนาม ลอบปลูกกัญชา ยึดของกลางเพียบ

กรุงเทพฯ 28 ม.ค. – ตม.1 จับชาวเวียดนาม ลักลอบปลูกกัญชาโดยไม่รับอนุญาต ยึดของกลางดอกกัญชา และต้นกัญชา 929 ต้น


พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผู้บังคับการกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ตำรวจกองกำกับการสืบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 นางสาวอรอนงค์ ศรีสุวรรณ นิติกรชำนาญการ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนกลาง กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เจ้าหน้าที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และตำรวจ สน.ประชาชื่น นำหมายค้นของศาลอาญาที่ 35/2568 เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ภายในซอยงามวงศ์วาน 32 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ หลังมีผู้แจ้งเบาะแสว่าสถานที่ดังกล่าวได้ลักลอบปลูกกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้รับอนุญาตทำงาน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดดอกกัญชา 1 ถุง และต้นกัญชารวม 929 ต้น

โดยอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าวมีขนาด 3 คูหา จำนวน 4 ชั้น พบว่าที่บริเวณชั้น 1 ถูกดัดแปลงเป็นสถานที่เก็บปุ๋ยและห้องพักของคนงาน สามารถนอนได้อย่างน้อย 6-7 คน ส่วนชั้น 2 ของอาคารพาณิชย์ พบว่ามีการดัดแปลงให้เป็นห้องที่มีสภาพสำหรับเพาะปลูก มีการติดตั้งอุปกรณ์เพาะปลูก อุปกรณ์สำหรับปรับสภาพอากาศ ติดแอร์กับพัดลม และให้น้ำให้แสง โดยที่ชั้น 2 นี้ พบต้นกัญชาโตเต็มวัยอยู่ภายในห้องประมาณ 108 ต้น พบต้นกัญชาขนาดเล็กที่อยู่ในระหว่างการเพาะชำอีก 136 ต้น รวมทั้งต้นกัญชาเพิ่งแตกยอดอ่อนและเมล็ดสำหรับเตรียมงอกอีกประมาณ 455 ต้น รวมทั้งพบถุงดอกกัญชาแปรรูปอบแห้งจำนวน 1 ถุง


ส่วนบริเวณชั้น 3 และชั้น 4 ของอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าว พบการดัดแปลงลักษณะคล้ายคลึงกัน คือติดตั้งระบบอุปกรณ์สำหรับเพาะปลูก โดยเฉพาะติดตั้งแอร์ พัดลม เครื่องให้น้ำให้แสง ปรับสภาพอากาศเต็มที่ ซึ่งที่ชั้น 3 พบต้นกัญชาโตเต็มวัย จำนวน 128 ต้น และชั้น 4 พบต้นกัญชาโตเต็มวัยพร้อมออกดอก จำนวน 134 ต้น อย่างไรก็ตาม ตรวจสอบไม่พบว่าอาคารหลังดังกล่าวขอใบอนุญาตปลูกกัญชาถูกต้องตามกฎหมายกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข แต่อย่างใด

นอกจากนี้ จากการเข้าตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว พบแรงงานชาวเวียดนามเข้าเมืองถูกกฎหมาย 1 ราย อายุ 49 ปี แต่ไม่ได้ขออนุญาตทำงานในราชอาณาจักรแต่อย่างใด จึงได้ดำเนินการแจ้งข้อหาทำงานในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำหน่ายหรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า (กัญชา) โดยไม่รับอนุญาต

จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อ้างว่ามาทำงานที่อาคารหลังดังกล่าวได้ 3 เดือน ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน แต่เนื่องจากเพื่อนที่เหลือได้กลับบ้านไปก่อน เพราะอยู่ในช่วงเทศกาล เลยเหลือตัวเองอยู่คนเดียว ผู้ต้องหายังไม่ให้การเกี่ยวกับเรื่องของการปลูกกัญชา อ้างว่ามีหน้าที่เพียงแค่ดูแลต้นกัญชา ซึ่งหลังจากนี้ทางตำรวจจะสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมว่า กัญชาที่พบนั้นใครเป็นเจ้าของและมีการส่งออกไปขายที่ใด รวมทั้งส่งออกไปยังต่างประเทศหรือไม่


น.ส.อรอนงค์ เปิดเผยว่า จากการเข้าร่วมตรวจสอบกับทางตำรวจพบว่า ผู้ครอบครองอาคารหลังดังกล่าวเป็นนิติบุคคล ซึ่งได้จดทะเบียนใบอนุญาตจัดจำหน่ายแปรรูปกัญชาที่ จ.กาญจนบุรี แต่ไม่ได้จดทะเบียนจัดจำหน่ายแปรรูปกัญชาในพื้นที่กรุงเทพมหานครแต่อย่างใด ดังนั้น อาคารพาณิชย์แหล่งดังกล่าวจึงปลูกกัญชาและแปรรูปดอกกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนป้ายภายในอาคารที่ระบุว่าเป็นสถานที่แปรรูปกัญชาจึงเป็นป้ายที่ติดเพื่อสมอ้าง ส่วนใบอนุญาตของ อย. ที่พบในอาคารนั้น เป็นเพียงใบจดแจ้งว่ามีการปลูกกัญชากี่ต้นในระหว่างที่กฎหมายยังไม่ออก แต่ไม่ใช่ใบขออนุญาตแต่อย่างใด

น.ส.อรอนงค์ เปิดเผยว่า ปกติแล้วการปลูกกัญชาที่ให้ผลดอกเพื่อนำมาแปรรูป จะต้องจดทะเบียนขออนุญาตกับทางราชการ โดยในส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครต้องไปจดทะเบียนที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัด ต้องไปจดทะเบียนที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งใบอนุญาตจะใช้ได้เฉพาะแต่ละพื้นที่และเฉพาะสถานที่เท่านั้น ไม่สามารถมาใช้รวมกันในหลายๆ ที่ได้ โดยใบอนุญาตจะมี 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทจัดจำหน่ายและแปรรูป ประเภทส่งออก และประเภทวิจัย

สำหรับกรณีดังกล่าวนั้น ตัวนิติบุคคลผู้ครอบครองอาคารรวมทั้งแรงงานจะถูกดำเนินคดีฐานไม่มีใบอนุญาตแปรรูปและจัดจำหน่ายสำหรับการปลูกกัญชาที่มีพืชดอก โดยมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งถ้าหากพบว่ามีการส่งออกกัญชาแปรรูปไปยังต่างประเทศ ก็จะมีความผิดเพิ่มขึ้นอีก ส่วนของกลางนั้น ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจะดำเนินการยึดอายัดเอาไว้เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาลต่อไป

สำหรับผู้ประกอบการที่คิดจะเพาะปลูกกัญชา โดยเฉพาะต้องการดอกกัญชามาใช้แปรรูปกับจัดจำหน่าย ต้องจดทะเบียนกับหน่วยงานราชการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีค่าธรรมเนียมที่ไม่แพง รวมทั้งเป็นการควบคุมให้กัญชาที่เพาะปลูกขึ้นมานั้นจัดจำหน่ายอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการลักลอบจำหน่ายให้แก่เด็กและเยาวชนจนกลายเป็นปัญหาสังคมต่อไป. -419 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ศาลตัดสินพิรงรอง

“พิรงรอง” รับกังวลใจ วันนี้ศาลตัดสิน คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช.

“พิรงรอง” ถึงศาล รับกังวลใจ คดีทรูฟ้องหลุดเก้าอี้ กสทช. ปมส่งใบเตือนทีวีดิจิทัลมีโฆษณาแทรก ยืนยันทำหน้าที่อย่างถูกต้อง

ผู้สมัคร นายก อบจ.สมุทรปราการ หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง ร้อง ปธ.สภา

ผู้สมัคร นายก อบจ. สมุทรปราการ พรรคประชาชน หอบหลักฐานทุจริตเลือกตั้ง อบจ.ร้องประธานสภา จี้ กกต.สอบให้ความเป็นธรรม ลั่นจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบ

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

บุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน

ตำรวจนครบาลบุกรวบ 2 บิ๊กบอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน สร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. หลอกเหยื่อว่าสามารถติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืนได้ ค้นบ้านพบซิมบ็อกซ์โทรศัพท์ และ QR Code ปลอม จำนวนมาก

ข่าวแนะนำ

เข้าสู่คืนที่ 2 ตัดไฟฟ้าชายแดนเมียนมา ทำลายวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เข้าสู่คืนที่ 2 สำหรับการตัดกระแสไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต และระงับการส่งน้ำมัน จากฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก ไปเมืองเมียวดีของเมียนมา เพื่อตัดวงจรกลุ่มจีนเทา พบมีการใช้ไฟฟ้าน้อยลง

คนร้ายลอบวางระเบิดรถกระเช้าภายในเทศบาลตำบลรือเสาะ

คนร้ายลอบวางระเบิดรถกระเช้าจอดในอาคารจอดรถ เทศบาลตำบลรือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังเสร็จพิธีต้อนรับนายกเทศมนตรีคนใหม่ ทำให้ไฟไหม้รถเสียหายหลายคัน

ปล้นร้านสะดวกซื้อ

รวบ 6 เยาวชน ก่อเหตุปล้นร้านสะดวกซื้อปัตตานี

รวบแล้ว 6 โจร ปล้นร้านสะดวกซื้อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้เงินกว่า 4,000 บาท พบผู้ก่อเหตุทั้งหมด เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 14-16 ปี