ดีเอสไอ 24 ม.ค. – ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ
พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ในฐานะหัวคณะสืบสวนคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง เรียกคณะพนักงานสืบสวน ประชุมนัดแรกสืบสวนคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม” หลังมีผู้ร้องขอให้สืบสวนสอบสวนและขอให้รับเป็นคดีพิเศษ “โดยผู้ร้องเห็นว่า” กระบวนการดำเนินคดีเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา มีพฤติการณ์เป็นเงื่อนงำต้องสงสัย มีเหตุให้เชื่อได้ว่าอาจมีกลุ่มบุคคลหลายฝ่ายร่วมกันบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาโดยมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อช่วยเหลือบุคคลอื่นให้ไม่ต้องรับโทษทางอาญาหรือรับโทษน้อยลง
พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยก่อนการประชุมว่า การประชุมในวันนี้จะแบ่งหน้าที่กันทำงานภายในคณะสืบสวน หรือเรียกว่ากำหนดวิธีการสืบสวนสอบสวน เพื่อตรวจสอบข้อมูลตามที่ได้มีการสืบข้อมูลมาโดยเฉพาะจะเน้นไปที่การตรวจสอบตามหลักนิติวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อาทิ เรื่องตำแหน่ง GPS บนเรือ, ข้อสงสัยเรื่องผลตรวจนิติเวช ที่พบมีเลือดออกที่กกหูสองข้าง, ตัวยาบางตัวที่สงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มต่าง ๆ รวมถึงแกะรอย ภาพ คลิปวิดีโอต่าง ๆ ในโซเชียล เพื่อนำมาวิเคราะห์และพิสูจน์หาข้อเท็จจริง เพราะมีการไปแชร์เป็นจำนวนมาก และมีการบอกว่าตัวเองเป็นผู้ถ่ายภาพหรือจัดทำภาพ
สำหรับการใช้เลเซอร์จำลอง 3 มิติ ทางดีเอสไอจะลงพื้นที่ไปบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาสถานที่เกิดเหตุ เป็นเหมือนการไปตรวจที่เกิดเหตุเพื่อมาประกอบกับการให้ถ้อยคำของพยานแต่ละราย โดยจะมีการล่องเรือ และจะมีการใช้เครื่องมือพิเศษด้วย และจะประสานไปยังภาคเอกชนที่มีเครื่องมือที่จะมาร่วมตรวจสอบความถูกต้องด้วย นอกจากนี้จะมีการกำหนดกลุ่มพยานเพื่อสอบสวนปากคำ และเชิญมาให้ข้อมูลในสัปดาห์หน้า แบ่งเป็น กลุ่มพยานแรก พยานริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีทั้งกลุ่มคนที่รู้เกี่ยวกับภาพจากกล้องวงจรปิด หรือเห็นเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ และกลุ่มผู้ร้องที่แจ้งว่าจะมีการนำพยานอีกหลายกลุ่มเข้ามาให้คณะสืบสวนได้ทำการสอบปากคำ ทั้งนี้ จะระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายด้านเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ ด้านระบบ GPS ด้านโทรศัพท์การสื่อสาร ด้านปฏิบัติการพิเศษ ด้านแผนที่ ส่วนวิเคราะห์ข่าว ด้านการคุ้มครองพยาน ด้านกฎหมาย ความรู้เรื่องนิติวิทยาศาสตร์ และความรู้ด้านหมอ เป็นต้น และเมื่อรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้วจะประมวลเรื่องเสนอไปอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นอกจากนี้ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ คณะทำงานจะเดินทางไปต่างประเทศในหลาย ๆ ประเทศ เพื่อไปเก็บข้อมูลในโทรศัพท์ของแตงโม และบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในคดี ไม่ว่าจะอยู่บนเรือหรือนอกเรือ เนื่องด้วยพบว่าข้อมูลหลายอย่างถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ระบบ Cloud หรือคลาวด์ ของผู้ให้บริการนั้น ๆ โดยจะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 หรือ MLAT และสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานได้
สำหรับกรอบการสืบสวนในคดี มีระยะเวลา 6 เดือนจริง แต่สามารถขยายระยะเวลาต่อได้ พร้อมย้ำการสืบสวนครั้งนี้ของดีเอสไอจะไม่ไปยุ่งหรือเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ถูกดำเนินคดีในสำนวนหลัก ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการชั้นศาล จะมุ่งเน้นสืบสวนไปที่มีการร้องขอว่า “มีกลุ่มที่บิดเบือนในการกระทำครั้งนี้ หรือมีการสร้างพยานหลักฐานเท็จหรือไม่ อย่างไร”
ด้านนายไกรศรี สว่างศรี ผอ.ส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงการเตรียมการจำลอง 3 มติ ในคดีแตงโม ว่า คณะพนักงานสืบสวน จะใช้เครื่องมือ Lidar หรือ Laser scanning เพื่อสแกนเพื้นที่เกิดเหตุแบบ 3 มิติ ครอบคลุมเส้นทางเดินเรือทั้งหมด และตำแหน่งเกิดเหตุการเพื่อจัดทำภาพจำลองพื้นที่เกิดเหตุแบบเสมือนจริง หรือ Crime Scence : CSI หลังจากนั้นจะนำข้อมูลดิจิทัลแบบเสือนจริง นำเสนอคณะพนักงานสืบสวน เพื่อรวบรวพยานหลักฐานต่อไป เริ่มใช้เลเซอร์สแกนตรวจสอบพิกัดตั้งแต่ร้านอาหารบ้านตานิดไปจุดถึงสะพานพระราม 8 ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ และใช้โดรนเก็บข้อมูลด้วยเป็นการเก็บข้อมูลทั้งหมดภาพทั้งพื้นน้ำและภาคพื้นอากาศ จะสแกนตามลำน้ำทั้งหมด เพื่อนำมาผ่านกระบวนการคอมพิวเตอร์หาพิกัดแบบภูมิศาสตร์ และจะนำมาตรวจสอบกับพยานหลักฐานต่างๆ เช่น คลิปวิดีโอ ภาพถ่าย ในโซเชียล ซึ่งเป็นเทคนิคที่ดีเอสไอนำมาใช้ในการตรวจสอบ พร้อมมั่นใจการใช้เลเซอร์สแกน 3 มิติ ช่วยในการจำลอง มีความแม่นยำสูงในระดับเซนติเมตร หรือมิลลิเมตร เป็นการสแกนทุกจุดโดยละเอียด. -416-สำนักข่าวไทย