บ้านพระอาทิตย์ 10 ม.ค. – “ปานเทพ-อัจฉริยะ” แถลงเตรียมความพร้อมจําลองเหตุการณ์ “แตงโม” ตกเรือ 16 ม.ค.นี้
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร่วมกันแถลงเตรียมความพร้อมการจำลองเหตุการณ์ตกเรือของ “แตงโม”
อาจารย์ปานเทพ กล่าวว่า การจําลองเหตุจะจัดขึ้นในวันที่ 16 มกราคมนี้ ซึ่งจะมีการซักซ้อมตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2568 โดยได้ทําการคัดเลือกผู้ทดสอบจํานวน 5 คน เรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่เป็นมิสแกรนด์ที่มีความสูง รูปร่างและนํ้าหนักใกล้เคียงกับแตงโมมากที่สุด ซึ่งการจําลองในครั้งนี้ เพื่อต้องการทราบว่าการที่ “แตงโม” สวมชุดบอดี้สูทและเสื้อโค้ทจะเหมาะสมกับการนั่งปัสสาวะท้ายเรือจริงหรือไม่ โดยที่ไม่เปียกนํ้าขณะที่เรือวิ่งด้วยความเร็ว 8 น็อต อีกเรื่องคือเพื่อให้เห็นว่าการตกเรือจากบริเวณกราบเรือด้านซ้ายจะไม่ถูกใบพัดเรือดูดและบาดจนเป็นแผล
สําหรับการจําลองเหตุการณ์จะเริ่มขึ้นที่โรงแรมริเวอร์ ไรน์ เพลส จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นจุดตั้งหลักในการจําลองเหตุขณะที่เรือจอดนิ่ง จากนั้นจะขับเรือออกไปยังท่าเรือพิบูลสงครามที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าเป็นจุดเกิดเหตุเพื่อทําการจําลองตอนตกเรือจากผู้ทดสอบ 5 คน 5 ครั้ง นอกจากนี้มีการรับสมัครคนที่จะมาแสดงเป็น “แซน” ด้วย ซึ่งเป็นนักกีฬาและมิสแกรนด์ โดยช่วงเย็นวันนี้จะมีการสรุปรายชื่อผู้ทดสอบอีกครั้ง
อาจารย์ปานเทพ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีคนบางกลุ่มพยายามขัดขวางอ้างว่าจะเป็นการกีดขวางจราจรทางนํ้าและมีการขู่ดําเนินคดี รวมถึงบอกเป็นการละเมิดอํานาจศาลทั้งที่ก่อนหน้านี้สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่รัฐมีการจําลองอยู่หลายครั้งแต่กลับไม่มีใครขัดขวาง แต่พอเป็นตนกลับถูกขัดขวางจนส่วนตัวมองว่ามีพิรุธ จึงตั้งคําถามว่าเพราะกลัวประชาชนจะเห็นความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมหรือไม่
ด้านอัจฉริยะ กล่าวว่า มีการประสานกรมเจ้าท่า ซึ่งจะมีการตรวจเช็คความพร้อมของเรือและใบอนุญาตผู้ขับเรือ รวมถึงใช้โดรนบินเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน อย่างไรก็ตาม คดีนี้หลังเกิดเหตุยืนยันว่ามีการนําเรือขึ้นมาล้างและมีลูกนักการเมืองชื่อดังเกี่ยวข้องยืมเรืออีกลําไปอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งนักการเมืองดังกล่าวตํารวจให้ความเกรงใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งมีคนพยายามติดต่อมาขอให้ตัวเองเลิกทําคดีแตงโม ซึ่งได้ตอบปฏิเสธ เพราะถือว่าคดีนี้ส่งผลกระทบกับกระบวนการยุติธรรม. -419- สำนักข่าวไทย