กรุงเทพฯ 12 ธ.ค. – ภาวะตลาดหุ้นไทย เดือนพฤศจิกายน 2567 โดย Index ปิดที่ 1,427.54 จุด ลดลง 2.6% จากเดือนก่อนหน้า ส่วนตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 487,638 สัญญา ลดลง 4.2%
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานภาวะการซื้อขายในเดือน พ.ย.67 ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ Bitcoin ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นนักวิเคราะแสดงความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านนโยบายด้านการค้าที่จะเพิ่มสูงขึ้นหากทรัมป์ดำเนินนโยบายกำแพงภาษีกับจีนรุนแรงตามที่หาเสียง อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้เงินลงทุนบางส่วนย้ายไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งหากการกีดกันการค้าทำให้เงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอลงช้ากว่าคาด มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะต้องเลื่อนการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่อาจกลับมาสูงไปอีกสักระยะ ซึ่งนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากกว่าที่คาดการณ์อาจส่งผลกระทบต่อความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. เปิดเผยว่า หากพิจารณาช่วงทรัมป์ 1.0 ในปี 60 เศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งกว่าปัจจุบัน สังเกตจากการเติบโตของ GDP และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/67 ขยายตัว 3.0% ทำให้ GDP โดยรวม 9 เดือนแรกปี 67 ขยายตัว 2.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ อีกทั้งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 67 ไปอยู่ที่ 2.6% จากการเพิ่มขึ้นของการส่งออก ท่องที่ยว และการลงทุนภาครัฐ
ขณะที่บริษัทจดทะเบียนรายงานผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 67 มีรายได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจากปีก่อน แต่ราคาน้ำมันและส่วนต่างค่าการกลั่นปรับลดลงทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและปิโตรเคมีกำไรสุทธิลดลง
สรุปภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือน พ.ย.67 ณ สิ้นเดือน พ.ย.67 SET Index ปิดที่ 1,427.54 จุด ลดลง 2.6% จากสิ้นเดือน ต.ค.67 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือน พ.ย.67 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.8% กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 66 มีเพียงกลุ่มเดียว ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 44,256 ล้านบาท ลดลง 3.4% จากเดือน พ.ย.66 ขณะที่ใน 11 เดือนแรกของปี 67 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,045 ล้านบาท ลดลง 13.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม เห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมดสองเดือนติดต่อกัน มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ (SNPS) และใน mai 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ (MPJ) บมจ. อินเตอร์รอแยล เอ็นจิเนียริ่ง (IROYAL) Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือน พ.ย.67 อยู่ที่ระดับ 16.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 19.3 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.3 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือน พ.ย.67 อยู่ที่ระดับ 3.34% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.10%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือน พ.ย.67 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 487,638 สัญญา ลดลง 4.2% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และในช่วง 11 เดือนแรกของปี 67 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 479,145 สัญญา ลดลง 10.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures. -517-สำนักข่าวไทย