เมืองทองธานี 9 ธ.ค.-“ชูศักดิ์” รมต.ประจำสำนักนายกฯ นำภาครัฐ-ภาคีเครือข่าย ประกาศเจตนารมณ์ รวมพลังไทย “สู้ให้สุด หยุดการโกง” ในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ชี้ปัญหาการทุจริตของไทย ยังไม่ได้แก้ไขอย่างจริงจัง ส่งผลดัชนีการรับรู้การทุจริตคงที่ 35-36 คะแนน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตในงานวันต่อต้าน คอรัปชั่นสากล 9 ธ.ค. ภายใต้แนวคิด FIGHT AGAINST CORRUPTION “สู้ให้สุด หยุดการโกง“ โดย รัฐบาล ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน รวมพลังคนไทยกว่า 3,000 คน แสดงออกถึงเจตจำนงในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ ซึ่งมีการแสดงชุด “ฉ่อย สู้โกง” และการแสดงชุด “ลั่นกลองชัย ปลุกพลังไทยสู้หยุดโกง”
นายวิทยา กล่าวว่า ทุกคนปรารถนาให้ประเทศไทยปราศจากการทุจริตและไม่อยากให้การทุจริตเป็นปกติเพราะการทุจริตสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติเป็นอย่างมาก ดังนั้นทุกคนควรรู้ถึงพิษภัยของการทุจริตและพร้อมต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศไทย
การจัดงานวันนี้ คือการประกาศเจตจำนงของผู้นำประเทศและผู้นำทุกภาคส่วนในการป้องกันแก้ไขและปราบปรามทุจริต และให้คนไทยและนานาชาติ เห็นถึงความมุ่งมั่นและการแก้ไขปัญหาการทุจริตในประเทศไทย เพื่อผลักดันระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต (ค่าCPI) ให้สูงกว่าร้อยละ 50 ตามที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชันของประเทศไทยเป็นปัญหาสะสมมานาน ส่งผลเสียหายต่อประเทศ ทั้งด้านสังคม การเมือง นำไปสู่ปัญหาการขาดความเชื่อมั่นของนานาชาติ จากการศึกษาขององค์กรเพื่อความโปร่งใสของนานาชาติ ในปีที่ผ่านมาสะท้อนว่าปัญหาการทุจริตที่มีผลต่อประเทศไทย คือการซื้อขายตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง การทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับสินบน การใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ต่อกัน การบังคับใช้กฎหมาย การแยกแยะผลประโยชน์ส่วนรวมและผลประโยชน์ส่วนตน ความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณ ซึ่งทั้งหมดส่งผลต่อคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตคอรัปชัน ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้การยอมรับ เพื่อวัดสถานการณ์การทุจริตในแต่ละระดับที่นักลงทุนนักธุรกิจหลายประเทศใช้ประเมินความน่าสนใจในการลงทุนของแต่ละประเทศ
“ผลการประเมินการรับรู้การทุจริตของประเทศไทยในระยะที่ผ่านมา อยู่ในระดับคงที่ มีคะแนน 35-36 คะแนนจาก 100 คะแนน แสดงให้เห็นถึงปัญหาการทุจริตในประเทศประเทศไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง” นายชูศักดิ์ กล่าว
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่ารัฐบาลจะยึดหลักนิติธรรม สร้างความโปร่งใส สร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยหลักนิติธรรมเข้มแข็ง ใช้งบประมาณของรัฐน้อยที่สุด แต่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด สร้างรายได้และสร้างโอกาสแก่ประเทศแก่ประชาชน โปร่งใสเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ
“รัฐบาลมีความมุ่งมั่นตั้งใจดำเนินงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ยึดประโยชน์ของประชาชนทุกภาคส่วนเป็นที่ตั้ง ผลักดันการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาในเชิงระบบที่สำคัญ ผ่านการบูรณาการของทุกภาคส่วน” นายชูศักดิ์ กล่าว
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาการทุจริตโดยผลักดันให้แนวทางแก้ไขปัญหาการทุจริตได้บรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (2561-2580) และผลักดันให้มีการจัดทำแผนระดับรองเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างจริงจัง เนื่องจากการทุจริตส่งผลกระทบต่อการบริหารงานต่างๆ ของภาครัฐ ทั้งเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการพัฒนาประเทศ รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทย
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกเพื่อให้บริการประชาชน เพื่อสร้างความโปร่งใสในการอนุมัติ การอนุญาต ลดปัญหาการทุจริต การเรียกรับสินบน โดยให้นำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในขั้นตอนต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อขอรับบริการจากหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะในเรื่องการอนุมัติต่างๆ สร้างความโปร่งใสในการทำงานของหน่วยงานภาครัฐและประชาชนสามารถตรวจสอบได้ มีการเปิดเผยข้อมูลสู่ระบบดิจิทัล การเสริมสร้างให้กระบวนการยุติธรรม มีความอิสระ ปราศจากการแทรกแซง สร้างความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใสในระบบศาลยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการนิติบัญญัติและการบริหารจัดการ รวมทั้งการส่งเสริมระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม การสร้างความเชื่อมั่นในคดีทุจริตคอรัปชั่นที่สร้างความเสียหายหรือมีผลกระทบในวงกว้าง การรับมือกับปัญหาการเรียกรับสินบน การพัฒนาการแจ้งเบาะแสให้มีความหลากหลายเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงได้โดยง่าย สามารถแจ้งภาษาได้ทันทีเมื่อพบเห็นการกระทำทุจริต ซึ่งการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นในภาครัฐจะสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังของภาครัฐภาคเอกชนและภาคประชาชน รวมถึงการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจในการดำเนินงานการทุจริตที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม
“การจัดงานวันนี้มีเจตนารมณ์ มุ่งมั่นการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างจริงจัง และต่อเนื่องรวมถึงแสดงจุดยืนร่วมกันของคนไทยทุกภาคส่วน ที่จะไม่ทำ ไม่ทนและไม่เฉย ต่อการทุจริตต่อไป ในนามของรัฐบาล ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และทุ่มเท เสียสละในการแก้ไขปัญหาคอรัปชันอย่างจริงจัง” นายชูศักดิ์ กล่าว
จากนั้น นายชูศักดิ์ ได้นำผู้ร่วมงาน ประกาศเจตจำนงว่า จะปฏิบัติตามด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต ยึดมั่นในความยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ไม่กระทำการใดอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ จะปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.-315.-สำนักข่าวไทย