นนทบุรี 6 ธ.ค.-“พิชัย” รมว.พาณิชย์ รอให้คลังสรุปการปรับขึ้น VAT ไปที่ 15% ขณะที่ภาคเอกชนชี้ยังเร็วเกินไปที่จะขึ้นภาษี ส่วนประชาชนไม่เห็นด้วยเพราะจะทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด ว่าจะปรับ VAT ขึ้นไปที่ 15% แน่นอน แต่ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ อยากให้ถามที่กระทรวงการคลัง รวมทั้งความกังวลต่อเนื่องถึงผลกระทบกับเงินเฟ้อ อยากให้รอผลสรุปที่แน่นอนก่อน โดยขอให้เชื่อมั่นว่านโยบายรัฐบาลคือการดูแลประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงไม่อยากให้กังวล เพราะทุกเรื่องรัฐบาลจะมีคำตอบให้กับสังคม
ส่วนความเห็นของภาคเอกชน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่า เรื่องนี้ ที่ผ่านมา ก็ต้องขอบคุณรัฐบาล เพราะภาษี VAT มีเพดานจะต้องขยับขึ้นไปที่ 10% แล้ว แต่ถูกชะลอไว้ จากเศรษฐกิจไทยที่โตไม่ถึง 2% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และเพิ่งจะโตในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.8% จึงถือว่าเร็วเกินไปที่จะขยับ VAT ขึ้นมาทันที แต่ควรไปยกระดับศักยภาพเอสเอ็มอี ให้มีความสามารถในการเข้าสู่ระบบภาษี เพราะขณะนี้ยังมีเอสเอ็มอีจำนวนมากที่หลบเลี่ยงภาษีอยู่ รวมทั้งช่องทางการขายอีคอมเมิร์ซ ที่ยังไม่สามารถเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถือเป็นเม็ดเงินมหาศาล ที่หากเก็บได้ เงินจะเข้าประเทศทันที และสร้างความยุติธรรมให้กับภาคธุรกิจด้วยกันที่เสียภาษีถูกต้อง ซึ่งหากปรับขึ้นจริง เชื่อว่าจะยิ่งทำให้การหลบเลี่ยงภาษีมีมากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม เร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบ จึงอยากให้รอความชัดเจนก่อน แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะรับฟังความเห็นของภาคเอกชน ซึ่งขณะนี้ได้เสนอแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยับไปถึง 5% ถือเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ถือเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ประเทศหลุดจากกับดักประเทศ รายได้ปานกลาง
ขณะที่นายแสงชัย ธีรกุลวานิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย บอกว่าการขึ้น VAT ไปที่ 15% ยังไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่เจอเรื่องค่าครองชีพด้วย เพราะจะเป็นการเพิ่มภาระให้ประชาชน หรือแม้แต่การขยับขึ้นไปที่เพดาน 10% ก็ยังไม่ควรดำเนินการตอนนี้ เพราะมองว่า มีหลายเรื่องที่ควรดำเนินการก่อน ดังนั้นทางออกคือการทำให้เศรษฐกิจนอกระบบกลับเข้ามาอยู่ในระบบ โดยการจูงใจให้ทำธุรกิจอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งในภาพรวม เศรษฐกิจนอกระบบของไทย มีสัดส่วนถึง 49% ของจีดีพี และแก้ปัญหานอมินีต่างชาติ มาอาศัยช่องทางทำให้เงินไหลออกต่างประเทศ ส่วนประชาชนทั่วไป เช่น เจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยว และช่างซ่อมรถ ต่างไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้เพราะจะทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นเป็นภาระกับพี่น้องประชาชน.-513-สำนักข่าวไทย