หนุ่ม 17 ปี ถูกหลอกโอนเงินเก็บปู่ย่ากว่า 3.4 ล้าน

อุดรธานี 15 ธ.ค. – เยาวชน 17 ปี ถูกหลอกโอนเงินเก็บทั้งชีวิตของปู่ย่า กว่า 3.4 ล้านบาท คนร้ายสุดแสบแอบอ้างเป็นผู้เสียหายโทรไปธนาคารเพื่ออายัดบัญชี-ปิดแอปฯ ก่อนตีเนียนเป็นตำรวจและ DSI เข้าช่วยเหลือแล้วหลอกโอนเงิน


ตำรวจไซเบอร์พบมีผู้เสียหายเป็นเยาวชนชายอายุเพียง 17 ปี อาศัยอยู่กับคุณปู่และคุณย่าในพื้นที่ จ.อุดรธานี ถูกกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์หลอกลวงอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ DSI จนสูญเงินกว่า 3.4 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)-15 ธันวาคม 2567 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สพฐ.ตร.รรท.ผบช.สอท.) จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 รรท.ผบก.สอท.3 และ พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 ลงพื้นที่สืบสวนเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย และติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุโดยเร็ว


ต่อมา พ.ต.อ.อภิรักษ์ ได้นำกำลังตำรวจไซเบอร์ลงพื้นที่ และเข้าพบผู้เสียหายคือ นายรพีภัทร อายุ 17 ปี อาศัยอยู่กับปู่และย่า ในพื้นที่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี จากการสอบถามข้อมูลทราบว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา นายรพีภัทร์ได้อยู่บ้านกับย่าเพียง 2 คน ได้มีสายปริศนาโทรเข้ามาอ้างว่าเป็น เจ้าหน้าที่จาก DSI แล้วหลอกว่าบัญชีธนาคารของนายรพีภัทรเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีฟอกเงิน โดยมิจฉาชีพที่โทรเข้ามานั้น ทราบข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหายและแจ้งว่าได้ อายัดบัญชีและปิดการใช้งานแอป Mobile Banking ในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายได้ เมื่อผู้เสียหาย ตรวจสอบ ปรากฏว่าบัญชีธนาคารได้โดนอายัดและไม่สามารถเข้าใช้งานแอป Mobile Banking ผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้จริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ที่ติดต่อเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง

จากนั้นมิจฉาชีพให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนทางไลน์แล้ววิดีโอคอลพูดคุย มีคนแต่งกายเป็นตำรวจทั้งชาย และหญิงมาพูดคุยด้วย แล้วแจ้งให้โอนเงินไปตรวจสอบจำนวน 50,000 บาท แต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงินในบัญชี มิจฉาชีพจึงบอกให้ไปหาเงินจากบัญชีธนาคารของญาติหรือใครก็ได้ แล้วโอนไปให้ตรวจสอบ ผู้เสียหายและย่าของผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงนำโทรศัพท์ของย่าที่มีแอปพลิเคชันธนาคารและมียอดเงินในบัญชี จำนวน 2 บัญชี โอนเงินไปให้คนร้ายรวม 10 ครั้ง เป็นจำนวน 1,372,311 บาท

ต่อมา ผู้เสียหายได้นำโทรศัพท์ของปู่โอนเงินให้คนร้ายอีก จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงิน 46,163 บาท แล้ว ได้นำบัญชีธนาคารอีกบัญชีของย่าซึ่งไม่สามารถโอนผ่านแอปพลิเคชันได้ไปปิดบัญชีที่ธนาคาร แล้วนำเงินเข้าบัญชีของผู้เสียหาย ก่อนโอนให้มิจฉาชีพอีก 1 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 1,998,004 บาท รวมความเสียหายที่โอน เงินทั้งสิ้น 3,412,642 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินเก็บของปู่และย่าของผู้เสียหายที่ได้เก็บมาทั้งชีวิต โดยมิจฉาชีพที่แต่งกายเป็นตำรวจได้วิดีโอคอลตลอดเวลาเพื่อควบคุมสั่งการมิให้คลาดสายตา


เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปหมดแล้ว คนร้ายยังถามหาทรัพย์สินอื่นของผู้เสียหายอีก แล้วข่มขู่ว่าหากมี ให้นำไปจำนองหรือจำนำแล้วนำเงินที่ได้โอนมาตรวจสอบ ผู้เสียหายและย่าจึงรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง จึงพากันไป แจ้งความที่ สภ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี

จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ตำรวจไซเบอร์จึงทราบว่า มิจฉาชีพได้แอบอ้างเป็นผู้เสียหาย คือตัว นายรพีภัทร์ แล้วโทรศัพท์ไปที่ธนาคารเพื่อขออายัดบัญชีและขอปิดการใช้งานแอปพลิเคชัน Mobile Banking บนโทรศัพท์มือถือของนายรพีภัทร์ จากนั้นคนร้ายจึงแจ้งให้ นายรพีภัทร์ ลองตรวจสอบ เมื่อนายรพีภัทร์ตรวจสอบพบว่าบัญชีโดนอายัดและแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้จริง จึงได้หลงเชื่อ

ทั้งนี้ พ.ต.อ.อภิรักษ์ ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งฝน ให้สอบสวนผู้เสียหายเบื้องต้นตั้งแต่ วันเกิดเหตุ โดยล่าสุดได้ประสาน ผกก.สภ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี เพื่อขอรับโอนคดีมายัง กก.1 บก.สอท.3 เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนแล้ว และจะได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ล่าสุด 13 ธ.ค.67 ตำรวจ กก.1 บก.สอท.3 ได้เดินทางไปพบผู้เสียหาย เพื่อให้กำลังใจ แก่ผู้เสียหายและครอบครัวพร้อมกับได้สอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมทั้งตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย ทำให้ได้ข้อมูลพยานหลักฐานเช่น ข้อมูลการโทร ภาพคนร้าย คลิปวิดีโอ คลิปเสียง เพื่อนำมาประกอบคดี เพิ่มเติม พ.ต.อ.อภิรักษ์ ยังได้วิดีโอคอลคุยกับผู้เสียหายทั้ง 2 คน ได้แก่ทั้งนายรพีภัทร (ผู้เสียหาย) และย่า ของผู้เสียหาย เพื่อให้กำลังใจและคำมั่นในการเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี โดยแจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่า ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตำรวจไซเบอร์เอง ทั้ง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. และ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 รรท.ผบก.สอท.3 ขอส่งกำลังใจมาให้ และยืนยันว่า “ตำรวจไซเบอร์ทุกนายมีความตั้งใจในการทำคดีอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นที่พึ่งและเยียวยาความเดือดร้อน ของผู้เสียหายทุกราย ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนมีชื่อเสียง บุคคลทั่วไป หรือกลุ่มเปราะบาง จึงขอให้มั่นใจ ในการทำงานของตำรวจไซเบอร์

ด้านพ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า คดีนี้เหตุเกิดระหว่างวันที่ 9-10 ธ.ค. เป็นกรณีที่ถูกหลอกลวงใกล้เคียงกับกรณีของชาล็อต ออสติน โดยแผนประทุษกรรมของกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มที่หลอกลวงชาล็อต ออสติน โดยบัญชีม้าแถวแรกมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายที่หลอกลวง ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาในกระบวนการมาดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป.-419 สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล แจ้งกัมพูชา เร่งมาเก็บศพทหาร หวั่นเกิดโรคระบาด

ทำเนียบ 4 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล ยืนยันดูแลทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวอย่างดี พร้อมเปิดให้องค์การระหว่างประเทศร่วมตรวจสอบ ขอให้ประชาชนมั่นใจการประชุม GBC เชื่อจะทำอย่างรอบคอบ ยึดผลประโยชน์ประเทศ พร้อมแจ้ง รมต.กลาโหมกัมพูชา เร่งมาเก็บศพทหารกัมพูชา หวั่นทิ้งไว้นานอาจเกิดโรคระบาด พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ว่า ในการประชุม GBC ที่เริ่มขึ้นในวันนี้  เราได้มีการเตรียมแนวทางที่จะไปประชุมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ได้เสนอให้ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณา เพื่อให้เห็นชอบ จากนั้น ก็ได้มาเตรียมการในเช้าวันเสาร์ ประกอบกับในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางมาเลเซียได้ติดต่อขอประชุม 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบไปด้วย รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย ไทย และกัมพูชา แต่ในการประชุม 3 ฝ่าย ไม่ได้มีการลงประเด็น โดยไทยตอบเพียงในเรื่องหลักการ และในวันอาทิตย์ก็ได้คุยกับเหล่าทัพว่า ยืนยันและรับได้หรือไม่ รับได้ไหม พอใจไหม สบายใจไหม เหล่าทัพก็สบายใจ และกองเลขาฯ ก็ไปประชุม GBC ซึ่งจะใช้เวลาประชุมในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม และในวันที่ 6 […]

เตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” และคนขับกระบะเข้าให้การ

กทม. 4 ส.ค.-ตำรวจเตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” มาให้การอย่างละเอียด รวมถึงคนขับกระบะ ด้านผู้ก่อเหตุ สอบปากคำเรียบร้อยแล้ว พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่าคดี “เป๊ก ผลิตโชค” ถูกฟันบริเวณคาง ภายในปั๊มน้ำมัน คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐานได้มากพอสมควรแล้ว ยังเหลือเรื่องของคำให้การของพยาน โดยหลังจากนี้จะเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” ในฐานะผู้ถูกกระทำมาให้การอย่างละเอียด รวมถึงจะเชิญคนขับรถกระบะที่ “เป๊ก” ปีนขึ้นไป ตอนนี้พนักงานสอบสวนพยายามติดต่ออยู่ และพยานต่างๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต้องเรียกมาให้การเพิ่มเติมด้วย ส่วนนายชุติเทพ ที่เป็นผู้ก่อเหตุได้ทำการสอบปากคำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการตรวจร่างกายของ “เป๊ก” นั้น ก็เป็นในส่วนของแพทย์.-419.-สำนักข่าวไทย

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปกติ

ทำเนียบ 4 ส.ค.-สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปกติ หน่วยงานความมั่นคงยังเฝ้าระวัง วางแนวกำลังปฏิบัติการตามแผน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยรายงานสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ภาพรวมเหตุการณ์ทั่วไปถึงเช้าวันนี้ ยังคงเป็นปกติ ไม่มีรายงานเหตุการณ์รุนแรงในทุกพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงยังคง เฝ้าระวัง โดยยังวางกำลังตามแนวปฏิบัติการตามแผน เพื่อรักษาอธิปไตยไทยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน.-314.-สำนักข่าวไทย

ปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้า

4 ส.ค. – สมาคมดาราศาสตร์ไทยแจงปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้าหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 00.00 น. (วันที่ 4 ส.ค.) สมาคมดาราศาสตร์ไทยได้แจ้งว่า เกิดลูกไฟขนาดใหญ่พร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้นปรากฏบนท้องฟ้าเหนือหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา จากตรวจสอบน่าจะเป็น ดาวตกชนิดลูกไฟ (meteoroid) โดยลักษณะที่ปรากฏเป็นแสงสีเขียว อาจบ่งบอกถึงองค์ประกอบของธาตุนิกเกิล โดยทั่วไปแล้ว ดาวตก (Meteor) เกิดขึ้นเมื่อวัตถุท้องฟ้าขนาดเล็กเคลื่อนที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกและเสียดสีกับอากาศที่ระดับความสูงประมาณ 80-120 กิโลเมตร ทำให้เกิดแสงสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า ยิ่งวัตถุมีขนาดใหญ่เท่าใด ปริมาณความร้อนและแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งมากตามไปด้วย จากภาพและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกมา ดาวตกในครั้งนี้มีขนาดใหญ่และมีความสว่างมากเป็นพิเศษ ความสว่างของมันใกล้เคียงกับดาวศุกร์ ทำให้ถูกจัดเป็นดาวตกชนิด #ลูกไฟ (Fireball) อย่างชัดเจน ส่วนการปรากฏของแสงสีเขียว สามารถตีความได้ว่าดาวตกนี้มีส่วนประกอบของธาตุโลหะอย่างนิกเกิล.-สำนักข่าวไทย