กรุงเทพฯ 28 พ.ย. – หลายฝ่ายแนะสร้างแรงจูงใจพัฒนาที่อยู่อาศัย รองรับผู้สูงอายุ ลดภาษี ค่าธรรมเนียมโอน ดึงดูดเอกชน สร้างสถานที่ดูแลผู้สูงวัย ธอส. แนะ ”ซื้อ ซ่อม สร้าง“ ปรับปรุงบ้านดูแลคนชรา
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่าเมื่อไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หลายฝ่ายต้องเตรียมตัวรองรับ จึงแนะนำให้ลูกหลานที่มีศักยภาพกู้เงินในโครงการ ”ซื้อ ซ่อม สร้าง“ กู้เงินไม่เกิน 1 แสนบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 ในช่วง 3 ปี เพื่อนำมาปรับปรุง บ้านเรือน รองรับการเดิน การพักอาศัย ความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน
ธอส.ยังพร้อมปรับปรุงเงื่อนไข การขอกู้ผ่านโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage : RM) เป็นสินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี แต่ไม่เกิน 80 ปี ซึ่งธนาคารให้กู้ยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ โดยลูกค้าต้องนำที่อยู่อาศัยที่ปลอดภาระจำนองมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ และธนาคารจะจ่ายเงินให้ผู้กู้เป็นรายเดือน วงเงินให้กู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 10 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้อย่างน้อย 6 เดือน และสูงสุดไม่เกิน 25 ปี โดยอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาขอกู้ต้องไม่เกิน 85 ปี ยอมรับเหมาะสำหรับผู้สูงอายุไม่มีลูกหลาน จึงได้รับความนิยมน้อยมากในปัจจุบัน คนชราบางคนเป็นห่วงลูกหลานต้องมารับภาระเงินกู้แทน
ในเวทีสัมมนา ยังเสนอแนะข้อมูลถึงความต้องการที่อยู่อาสัยสำหรับดูแลผู้สูงอายุ มีแนวโน้มความต้องการสูงขึ้น ในทำเลภาคกลาง มีสถานดูแลผู้สูงอายุ 2,000 หน่วย เช่น อ.บางไทร มีสถานเนอร์สซิ่งโฮม (Nursing Home) สูงถึง 1,200 หน่วย เขตอีอีซี มีสูงถึง 77 โครงการ ขณะที่ อ.ปากช่อง เป็นพื้นที่มีศักยภาพ บรรยากาศดี จึงมีสถานดูแลผู้สูงอายุ เติบโตสูงมาก 900 หน่วย โดยรวมแล้ว ผู้สูงอายุ 14 ล้านคน ในปี 67 ยังต้องการบ้านพักอาศัยจำนวนมาก นับว่าการดูแลสังคมผู้สูงอายุ เป็นเรื่องจำเป็นมากในปัจจุบัน
สำหรับค่าเช่าสถานดูแลผู้สูงอายุ ราคา 10,000-15,000 บาทต่อเดือน ลูกหลานต้องมีรายได้ 5- 6 หมื่นบาทต่อเดือน จึงมีศักยภาพนำพ่อแม่ ผู้สูงอายุเข้ามาอยู่อาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุ นับว่าหลายพื้นที่ยังมีศักยภาพสำหรับผู้ประกอบการในการสร้างสถานดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะ กทม. ต้องการถึง 8 หมื่นหน่วย แต่มีที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุเพียง 9,000 หน่วย นับว่าปัญหาการดูแลผู้สูงอายุ กลายเป็นปัญหาระดับโลก หลายประเทศต้องดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น
เวทีสัมนา จึงเสนอแนะการลดภาษี ลดค่าธรรมเนียมการโอนสำหรับผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป เมื่อต้องการขายบ้านขนาดใหญ่ เพื่อหันมาซื้อบ้านหลังเล็กอาศัยในช่วงปลายชีวิต การคิดดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ สำหรับผู้ประกอบการพัฒนาโครงการ การให้สิทธิประโยชน์ในการเช่าที่ดินของรัฐ การสร้างพยาบาลจิตอาสา ให้คำแนะนำดูแลผู้สูงอายุ การจัดทำฐานข้อมูลด้านสุขภาพ ความต้องการที่พักอาศัย เพื่อนำมาพัฒนาที่อยู่อาศัยได้แม่นยำ ส่งเสริมการออกแบบรองรับผู้สูงอายุ รองรับสังคมผู้สูงอายุ.-515 -สำนักข่าวไทย