ทำเนียบ 28 พ.ย.-นายกฯ เปิดทำเนียบต้อนรับ “นายกฯ สิงคโปร์” เยือนไทยครั้งแรก ร่วมพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ หารือทวิภาคี กระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง-เศรษฐกิจ พร้อมผลักดันการลงทุนทั้ง 2 ประเทศ ฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 60 ปี ในปี 68
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดทำเนียบรัฐบาลให้การต้อนรับ นายลอเรนซ์ หว่อง (H.E. Mr. Lawrence Wong) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ซึ่งนับเป็นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ในการนี้มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับในครั้งนี้ด้วย
โดยผู้นำไทย และสิงคโปร์ได้ร่วมพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกันจากนั้นผู้นำทั้ง 2 ประเทศพร้อมคู่สมรสได้ถ่ายภาพร่วมกัน ณ บันไดโถงกลาง ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่คณะรัฐมนตรี จะแนะนำตนเองต่อนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์ และภริยา จากนั้นนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และภริยา ได้ลงนามในสมุดเยี่ยม และชมของที่ระลึก ณ ห้องสีงาช้าง
ในโอกาสนี้ผู้นำไทย และสิงคโปร์ ได้มีการหารือแบบเต็มคณะ และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงและแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนกับกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ พร้อมแถลงข่าวร่วม
นายกรัฐมนตรีและคู่สมรส และนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์และภริยา เยี่ยมชมการจัดแสดง ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและหัตถศิลป์ของไทย ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี และช่วงเที่ยงนายกรัฐมนตรีและคู่สมรส เลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์และภริยา
ขณะที่นายนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในปีหน้า พ.ศ.2568 ไทยกับสิงคโปร์จะฉลองครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งผู้นำทั้งสองจะร่วมหารือทวิภาคี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสิงคโปร์ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนการเยือน การเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคง และด้านเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระดับประชาชน และความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ รวมถึงผลักดันความร่วมมือในสาขาใหม่ อาทิ ความมั่นคงทางไซเบอร์ เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ.-319.-สำนักข่าวไทย