ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : สาเหตุ อาการ และการรักษาไข้เลือดออก

ไข้เลือดออกอาการเป็นอย่างไร ควรพบแพทย์เมื่อไหร่ และจะมีวิธีการรักษาอย่างไร ?


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รศ.ดร.นพ.นพพร อภิวัฒนากุล หัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

ไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า “ไวรัสเดงกี” (Dengue Virus) 


เชื้อไวรัสเดงกีติดต่อโดยมียุงลายเป็นพาหะ (ทั้งยุงลายบ้านและยุงลายสวน)

ยุงลายบ้าน (Aedes agypti) มักจะวางไข่ในภาชนะซึ่งมีน้ำในบ้าน เช่น ขาตู้กับข้าว จานรองกระถางต้นไม้ โอ่งบรรจุน้ำที่ไม่ได้ปิดฝามิดชิด

ยุงลายสวน (Aedes albopictus) มักวางไข่บริเวณที่มีน้ำขังนอกบ้านและตามแหล่งน้ำธรรมชาติ


ระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสเดงกีในยุงลายประมาณ 8-10 วัน และในคนหลังจากที่ถูกยุงกัดเชื้อไวรัสเดงกีจะมีระยะฟักตัวประมาณ 5-7 วัน

ปัจจุบัน เชื้อไวรัสเดงกีมี 4 ชนิด (ไวรัสเดงกี 1, 2, 3 และ 4 ตามลำดับ) หลังจากที่คนเราติดเชื้อไวรัสเดงกีชนิดใดชนิดหนึ่งแล้ว ก็จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสเดงกีชนิดนั้นไปตลอด แต่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสเดงกีชนิดอื่นในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นสามารถติดเชื้อไวรัสเดงกีชนิดอื่นได้อีก ดังนั้น หากเคยเป็นโรคไข้เลือดออกแล้วก็ยังมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก

พื้นที่ไหนมียุงลาย (ยุงลายมีพฤติกรรมกัดคนตอนกลางวัน) ก็อาจเกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกได้

กลไกการเกิดโรคไข้เลือดออก

ไข้เลือดออกมีระยะฟักตัวประมาณ 5-7 วัน

หลังจากที่ได้รับเชื้อไวรัสเดงกีเข้าสู่ร่างกายแล้วประมาณ 5-7 วันจะเริ่มมีอาการไข้ จากนั้นตัวไวรัสไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อภูมิคุ้มกันของร่างกายพบไวรัสก็พยายามกำจัด

ผลข้างเคียงจากการที่ร่างกายพยายามกำจัดไวรัสออกจากร่างกายก็คือทำให้หลอดเลือดที่ตับ ปอด หรือช่องท้อง “เปราะ” มากขึ้น เมื่อหลอดเลือดเปราะมากขึ้น “น้ำเหลือง” ที่ปกติต้องอยู่ในหลอดเลือดก็รั่วออกไป

อาการแสดงของโรคไข้เลือดออก เป็นอย่างไร ?

โรคไข้เลือดออกอาจมีอาการแสดงเพียงไข้อย่างเดียว ซึ่งในบางคนอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง (โดยเฉพาะบริเวณใต้ชายโครงขวา) ปวดตามตัว ปวดที่กระบอกตา ปวดศีรษะ อาจมีผื่นแดงขึ้น และบางคนอาจมีเลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล หรือเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร โดยปกติผู้ป่วยมักไม่มีอาการไอหรือน้ำมูก อาการแสดงของโรคไข้เลือดออกมี 3 ระยะ ดังนี้

1. ระยะไข้สูง ระยะนี้ผู้ป่วยจะมีไข้สูงร่วมกับอาการต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น โดยใช้เวลา 3-7 วัน เมื่อได้รับยาลดไข้แล้ว ไข้ก็จะลดลง หลังจากหมดฤทธิ์ยาไข้ก็จะกลับสูงขึ้นอีก ในระยะนี้ถ้าไม่มีเลือดออกมาก โดยปกติไม่ทำให้เกิดอาการที่รุนแรง ผู้ป่วยอาจดูซึมลง กินอาหารได้น้อยลง ระยะนี้เป็นระยะที่ตรวจพบไวรัสเดงกีในเลือด และถ้ายุงมากัดผู้ป่วย ยุงก็จะเป็นพาหะของโรคต่อไป

โรคไข้เลือดออก ถ้าเป็นในผู้ใหญ่มีอาการที่เด่นกว่าในเด็กก็คือ จะมีอาการปวดหลายอย่าง เช่น ปวดกระบอกตา ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว

ดังนั้น การวินิจฉัยโรคในระยะนี้มักจะสังเกตจากอาการ หากต้องการยืนยันก็ต้องตรวจหาตัวเชื้อ ซึ่งปัจจุบันแพทย์จะเจาะตรวจหา NS1antigen ในช่วงที่มีไข้หลังวันที่ 3 ถ้าแพทย์ทำ Tourniquet test หรือการรัดแขนก็อาจพบจุดเลือดออกได้

2. ระยะวิกฤติ ในผู้ป่วยบางคนหลังไข้ลงแล้วจะเข้าสู่ระยะนี้ ซึ่งจะมีการรั่วของน้ำเหลืองออกนอกหลอดเลือด ทำให้มีอาการเหมือนสูญเสียของเหลวหรือเลือดจากร่างกาย มีความดันเลือดต่ำจนถึงอาการช็อกได้ ผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าเย็น เด็กบางคนจะดูตัวลาย ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจทำให้มีอวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว ซึ่งอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ในระยะนี้ผู้ป่วยบางคนอาจมีเลือดออกมาก (โดยเฉพาะจากทางเดินอาหาร) ทำให้มีอาการช็อกได้มากขึ้น โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน

3. ระยะฟื้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่หลังระยะไข้สูงจะเข้าสู่ระยะนี้ทันที บางคนถ้าเข้าสู่ระยะวิกฤติแล้ว 1-2 วัน ก็เข้าสู่ระยะนี้ ผู้ป่วยจะเริ่มอยากกินอาหารมากขึ้น มีผื่นแดงที่มีวงขาวขึ้นตามตัว มีอาการคันตามตัว ฝ่ามือและฝ่าเท้า ซึ่งเป็นระยะที่ผู้ป่วยกำลังจะหายจากโรค (เป็นระยะปลอดภัย)

คนที่ติดเชื้อไข้เลือดออก 100 คน พบว่า 75 เปอร์เซ็นต์ (3 ใน 4) ไม่มีอาการ และในจำนวน 1 ใน 4 ที่มีอาการ อาจจะมีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำที่เข้าสู่ภาวะวิกฤติ และอาจมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำที่เข้าสู่ภาวะช็อก

ระยะไข้สูงของผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจะเป็นระยะที่ไม่อันตรายโดยจะได้รับการรักษาตามอาการ

เมื่อหมด “ระยะไข้” ผู้ป่วยบางคนก็จะเข้าสู่ระยะฟื้น และ/หรือ บางคนอาจจะเข้าสู่ระยะวิกฤติ

อาการที่สังเกตได้ว่าผู้ป่วยไข้เลือดออกกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติก็คือ มีอาการซึม ไข้ลดลง กระสับกระส่าย ปัสสาวะออกน้อยลง ตัวเย็นมาก ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลทันที

การรักษาโรคไข้เลือดออก

ปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาโรคไข้เลือดออกโดยตรง

สิ่งที่ทำได้ก็คือ การรักษาแบบประคับประคองตามอาการที่พบ ถ้ารู้ว่าป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก สิ่งที่ต้องปฏิบัติมีดังนี้

1. ระยะไข้สูง ผู้ป่วยจะมีไข้เกือบตลอดเวลา ให้กินยาลดไข้พาราเซตามอล และเช็ดตัวลดไข้ ควรหลีกเลี่ยงยาลดไข้ชนิดอื่น เช่น กลุ่มแอสไพรินหรือไอบูโพรเฟน เพราะจะทำให้มีโอกาสเลือดออกมากได้

2. มีอาการคลื่นไส้อาเจียน สามารถให้ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน พยายามกระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเกลือแร่ โดยอาจดื่มทีละน้อยและบ่อย ๆ ถ้าพอกินอาหารได้ ให้กินอาหารอ่อน ย่อยง่าย ในระยะนี้อาจดูแลรักษาเองที่บ้านได้

3. สังเกตอาการที่ต้องรีบไปโรงพยาบาล ได้แก่ ปวดท้องมาก อาเจียนมาก มีเลือดออกมาก ซึมลง หรือมีอาเจียนเป็นเลือด

ระยะไข้นี้ผู้ปกครองมักกังวลว่าเด็กจะเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ ในช่วงวันแรก ๆ อาจบอกไม่ค่อยได้ว่าไข้ที่เกิดขึ้นจากไข้เลือดออกหรือไม่ ต้องตรวจดูเชื้อไวรัสถึงจะบอกได้ แต่อาจไม่จำเป็นเพราะว่าเป็นช่วงไข้สูง การดูแลรักษาก็เป็นเพียงประคับประคอง จึงยังไม่จำเป็นต้องเจาะเลือดตรวจในช่วง 1-2 วันแรกของไข้

แนะนำว่าให้สังเกตอาการของเด็ก ถ้าไข้ไม่ลงภายใน 3-4 วัน เด็กยังกินอาหารได้ไม่ดี และซึมลง ควรกลับไปพบแพทย์ทันที ซึ่งแพทย์จะตรวจร่างกายใหม่และอาจพิจารณาเจาะเลือดตรวจดูค่าเกล็ดเลือดและค่าความเข้มข้นของเลือด ถ้าเกล็ดเลือดเริ่มต่ำลง แสดงว่าน่าจะเป็นไข้เลือดออก ถ้าผู้ป่วยซึมลงมากและเกล็ดเลือดต่ำมาก แพทย์อาจพิจารณาให้สังเกตอาการที่โรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด

4. ถ้าผู้ป่วยไข้ลงแล้วอาการดีขึ้น เช่น อยากกินอาหารมากขึ้น มีผื่นแดงคันดังที่กล่าวในระยะพักฟื้น แสดงว่าผู้ป่วยกำลังจะหายจากโรค ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้ป่วยเริ่มไข้ลง แล้วซึมลง มีอาการปวดท้องมากขึ้น มือเท้าเริ่มเย็น กระสับกระส่าย แสดงว่าผู้ป่วยเข้าสู่ระยะวิกฤติ

5. ถ้าสังเกตว่าตอนไข้เริ่มลง แล้วผู้ป่วยยังดูซึม ไม่กลับมาร่าเริงเหมือนเด็กที่เพิ่งหายจากไข้ นับว่าเป็นสัญญาณอันตราย ซึ่งอาจบ่งบอกว่าผู้ป่วยอาจเข้าสู่ระยะวิกฤติ ควรรีบพาไปโรงพยาบาลพบแพทย์ เพราะต้องได้รับน้ำเกลือทางหลอดเลือดและเฝ้าระวังสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด แพทย์อาจจำเป็นต้องให้เจาะเลือดบ่อย เพื่อดูระดับความเข้มข้นของเลือดและเกล็ดเลือด รวมถึงการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการติดตามรักษา ถ้ามีอาการมากอาจจำเป็นต้องรับดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤติ

สงสัยเป็นโรคไข้เลือดออก ต้องทำอย่างไร ?

การสังเกตอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคไข้เลือดออก สามารถทำได้ด้วยตนเอง ดังนี้

1. มีไข้สูง 3 วันแล้วไข้ไม่ลง

2. ไม่มีอาการไอและสงสัยเป็นโรคไข้เลือดออก ถ้ามีไข้สูงให้กินยาลดไข้ “พาราเซตามอล” ได้

3. หลีกเลี่ยงยาแก้ไข้แอสไพรินและยาแก้ไข้ไอบูโพรเฟน

ดังนั้น ถ้ามีไข้ 2-3 วันแล้ว ไม่มีอาการไอ ไม่มีน้ำมูก และช่วงนั้นมีไข้เลือดออกระบาดใกล้บ้าน ควรไปพบแพทย์ 

การป้องกันโรคไข้เลือดออกที่สำคัญคือการป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัด และไม่ให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยการไม่ให้มีน้ำขังในภาชนะ ควรมีฝาปิดภาชนะที่ใส่น้ำเพื่อไม่ให้ยุงลายไปวางไข่ได้ ในปัจจุบันกำลังมีการศึกษาถึงวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก ซึ่งคาดว่าในอนาคตอันใกล้อาจมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกที่มีประสิทธิภาพออกมาใช้

เข้าใจสาเหตุ สังเกตอาการ และถ้าเข้าข่ายโรคไข้เลือดออก ต้องไปพบแพทย์วินิจฉัยโรคและรับการรักษาทันที

สัมภาษณ์โดย พีรพล อนุตรโสตถิ์

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ FACTSHEET : สาเหตุ อาการ และการรักษาไข้เลือดออก

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สาวซิ่งรถหรูชนท้าย จยย. ทำแม่ลูกดับ 3 ศพ

แม่ขี่ จยย.ไปรับลูก 2 คน กลับจากเรียนพิเศษ ถูกสาวขับรถหรูซิ่งชนท้าย ร่างกระเด็นตกสะพานข้ามรางรถไฟ เสียชีวิตทั้ง 3 คน ส่วนผู้ก่อเหตุอุ้มแมว ทิ้งรถ หลบหนีไป

ปิดล้อมล่ามือปืนคลั่งสังหาร 3 ศพ

ตำรวจเร่งไล่ล่ามือปืนคลั่งก่อเหตุยิง 3 ศพ ในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู ล่าสุดปิดล้อมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ รอยต่อ จ.เลย หลังพบเบาะแสคนร้ายหนีไปซ่อนตัว ขณะที่ชนวนสังหารยังไม่แน่ชัด

ลูกชายมือปืนคลั่งยิง 3 ศพ พาครอบครัวหนีตาย พ่อโพสต์ขู่ฆ่าล้างครัว

ลูกชายมือปืนคลั่งยิงดับ 3 ศพ ต้องพาภรรยาและลูก รวมถึงพ่อตา-แม่ยาย หนีไปอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังพ่อโพสต์ข้อความขู่จะฆ่าล้างครัว เหตุจากปัญหาในครอบครัว

ชายคลั่งยิง3ศพ

ชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ โผล่วัดที่ จ.เลย ขอข้าวกิน ก่อนหนีเข้าป่า

แม่ครัววัดภูคำเป้ ต.ผาสามยอด อ.เอราวัณ จ.เลย เผยพบชายคลั่งยิงดับ 3 ศพ เดินเข้ามาในวัดด้วยสภาพอิดโรย ขอข้าวกิน ลักษณะรีบกินเหมือนวิตกกังวล หลังกินเสร็จรีบเดินเข้าป่าหายไป ก่อนมาทราบภายหลังว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต

ข่าวแนะนำ

มือยิง 3 ศพ ขอโทษ-สำนึกผิด อ้างบันดาลโทสะ

ตำรวจแถลงข่าวจับกุม “สามารถ” ผู้ต้องหายิง 3 ศพ ในพื้นที่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู หลังจากติดต่อมอบตัว พร้อมยอมรับผิด ขอโทษญาติผู้เสียชีวิต อ้างบันดาลโทสะจึงก่อเหตุ และไม่มีอาการคลั่งตามที่เป็นข่าว

นายกฯสิงคโปร์เยือนไทย

นายกฯ ต้อนรับนายกฯ สิงคโปร์ ร่วมเปิดศักราชความสัมพันธ์ 60 ปี

“แพทองธาร” นายกฯ ต้อนรับนายกฯ สิงค์โปร์ อย่างสมเกียรติ พร้อมแถลงข่าวร่วมเปิดศักราชความสัมพันธ์ 60 ปี ไทย-สิงคโปร์ ผลักดันการลงทุนสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล เชื่อมโยงอาเซียน มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและมั่งคั่งร่วมกัน

น้ำท่วมใต้

น้ำท่วม จ.สตูล ขยายวงกว้าง นราฯ อ่วมทั้งจังหวัด

น้ำท่วม จ.สตูล เช้าวันนี้ขยายวงกว้าง หลากเข้าย่านเศรษฐกิจของตำบลฉลุง ชาวบ้านเริ่มเครียด เพราะปีนี้น้ำท่วมหนักเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ส่วน นราธิวาส น้ำท่วมทั้งจังหวัด ประชาชนเดือดร้อน 1.5 แสนคน