ตม. 18 พ.ย. – สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ขยายผลจับหนุ่มจีน ลอบเปิดบริษัทรับแลกเงินดิจิทัลเถื่อน ย่านห้วยขวาง ที่แท้เป็นร้านเดียวกับที่กลุ่มผู้ต้องหาชาวจีนที่อุ้มรีดทรัพย์ชาวจีนด้วยกันท้องที่ สน.สุทธิสาร นำเงิน USDT มาแลก
พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม.และผู้ที่เกี่ยวข้อง แถลงผลกรณีเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2567 ได้เกิดเหตุมีคนร้าย 5 คน พร้อมอาวุธปืนสั้นและปืนยาว บุกเข้าไปในสำนักงานบริษัทแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.สุทธิสาร และข่มขู่นักธุรกิจชาวจีน โดยเข้าค้นและยึดเงินจำนวน 3,200,000 บาทไป จากนั้นจับตัวนักธุรกิจจีนทั้ง 2 คน เพื่อเรียกค่าไถ่ จนสุดท้ายได้เงินไปจำนวนกว่า 12 ล้านบาท ก่อนจะนำผู้เสียหายไปปล่อยไว้บนถนนย่านเกษตร-นวมินทร์นั้น
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม.ได้สืบสวนขยายผลในคดีดังกล่าว จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ Mr.Long อายุ 27 ปี สัญชาติจีน และนางสาวปริศนา อายุ 38 ปี สัญชาติไทย เป็นนอมินี ถือหุ้น 51% และยินยอมให้นำบัตรประชาชนมาประกอบธุรกิจจดทะเบียนตั้งบริษัท โดยพบว่าก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไปได้ไปแลกเงินสกุลดิจิทัล จำนวน 270,000 USDT หรือกว่า 9 ล้านบาท ที่บริษัทรับแลกเงินสกุลดิจิทัลเถื่อนย่านห้วยขวาง จากการสืบสวนทราบว่าบริษัทรับแลกเงินสกุลดิจิทัลดังกล่าวเปิดให้รับแลกเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมี Mr.Long และนางสาวปริศนา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท จึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีกับทั้งสองคน ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับทั้ง 2 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต” จึงได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุม จากการสืบสวนทราบว่า Mr.Long พักอยู่ที่บริษัทรับแลกเงินดิจิทัล ย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ ส่วนนางสาวปริศนา พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ภูหลวง จ.เลย จึงไปจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีตามข้อหา ร่วมกันประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เท่านั้น
พล.ต.ท.อิทธิพล ย้ำว่าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะทำการสุ่มตรวจสอบธุรกิจของชาวจีนที่ต้องสงสัยว่าอาจมีการแอบแฝงทำผิดกฎหมายเช่น การรับแลกสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากชาวจีนที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นคนที่ได้รับการอนุญาตเข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมาย แต่บางรายมีการทำธุรกิจที่ไม่ถูกต้องหรือใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อไปยังประเทศที่ 3. -412-สำนักข่าวไทย