กรุงเทพฯ 15 พ.ย. – GC แจ้ง PTTAC เตรียมยุติการดำเนินกิจการ โดยหยุดการขาย ตั้งแต่ 1 ม.ค.68 เป็นต้นไป โดยผลของการด้อยค่า โดย GC เป็นส่วนหนึ่งให้ ปตท.มีกำไรสุทธิ ไตรมาส 3/67 ลดลง 47% เหลือ 1.6 หมื่นล้านบาท
บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ GC เปิดเผยว่า บริษัท พีทีที อาซาฮี เคมิคอล จำกัด (PTTAC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้าที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 50 โดยที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ PTTAC เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ได้มีมติอนุมัติแผนยุติการดำเนินกิจการของ PTTAC ในการนี้ PTTAC จะดำเนินกระบวนการตามแผนที่ได้รับการอนุมัติโดยจะเริ่มดำเนินการหยุดการขายและการส่งมอบผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป และคาดว่ากระบวนการตามแผนดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปี 2571
ทั้งนี้ GC ได้ตั้ง ด้อยค่าสินทรัพย์ จาก PTTAC ประมาณ 4,300 ล้านบาท และด้อยค่าสินทรัพย์ในกลุ่มบริษัท Vencorex ประมาณ 3,800 ล้านบาท และเป็นส่วนที่กระทบมายังผลประกอบการไตรมาส 3/67 ขาดทุน และเป็นส่วนทำให้ บมจ.ปตท.กำไรสุทธิ ไตรมาส 3/67 ลดลง 47% เหลือ 1.6 หมื่นล้านบาท โดย ปตท.รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 68,892 ล้านบาท ลดลง73,400 ล้านบาท หรือ 51.6 % จากไตรมาส 3 ปี 2566 ที่จำนวน 142,292 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่มีผลการดำเนินงานลดลง โดยธุรกิจการกลั่นมีผลการดำเนินงานลดลงจากผลขาดทุนสตอกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง ปตท. และบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสตอกน้ำมันในไตรมาส 3/2567 ประมาณ 20,000 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 3/2566 มีกำไรประมาณ 20,000 ล้านบาท กำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ลดลงจาก 11.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 3/2566 เหลือ 2.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 3/2567 โดยหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปส่วนใหญ่กับน้ำมันดิบที่ปรับลดลง ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีผลการดำเนินงานลดลง จากการรับรู้ผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น (Mark-to-market) ของสินค้าระหว่างการขนส่ง รวมทั้งกลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีกมีผลการดำเนินงานลดลง ตามกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรและปริมาณขายเฉลี่ยที่ลดลง
นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานลดลง จากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ตามต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นมากเนื่องจากมีการเริ่มใช้นโยบาย Single Pool ในการคำนวณราคาก๊าซฯ ในปีนี้และปริมาณขายลดลง แม้ว่าราคาขายโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ประกอบกับผลการดำเนินงานของ บริษัท พีทีทีแอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG) ลดลง เนื่องจากมีการลดสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 (LMPT2)
ทั้งนี้ กำไรสุทธิของ ปตท. และบริษัทย่อยในไตรมาส 3/2567 มีจำนวน 16,324 ล้านบาท ลดลง 47.8 % จากกำไรสุทธิ จำนวน 31,297 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2566 ประกอบกับมีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท.เป็นขาดทุนประมาณ 9,500 ล้านบาท โดยหลักจากส่วนแบ่งผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ จาก PTTAC และกลุ่มบริษัท Vencorex ของ GC. -511-สำนักข่าวไทย