กองทัพบก 7 พ.ย.-ผบ.ทบ. ตอนรับ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ถกกฎหมายทรมาน บังคับสูญหาย ป้องกันการละเมิดในหน่วยทหาร พร้อมกำชับ ครูฝึก-หน่วยทหาร ลงทัณฑ์-ลงโทษ ตามกรอบกลาโหม
พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้การต้อนรับ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะ พร้อมพูดคุยถึงแนวทางการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ตลอดจนการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งประเด็นดังกล่าว กองทัพบกได้ให้ความสำคัญและได้มีการประสานความร่วมมือกับคณะสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมาอย่างต่อเนื่อง
โดยที่ผ่านมาหลังจากที่พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ มีผลบังคับใช้เมื่อ 22 ก.พ.66 กองทัพบกได้มีการรวบรวมข้อมูลการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติฯ เพื่อเตรียมจัดทำคู่มือแนวทางการปฏิบัติงานของกองทัพบก, จัดอบรมความรู้ให้แก่กำลังพลกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก และเจ้าหน้าที่ในหน่วยฝึกทหารใหม่ทั่วประเทศ พร้อมเตรียมกำหนดระเบียบการปฏิบัติของกองทัพบกเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางมาตรการควบคุมและป้องกันการลงทัณฑ์หรือลงโทษที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายและแบบธรรมเนียมทหารตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม
สำหรับประเด็นในการหารือร่วมกันนั้น กองทัพบกและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้มุ่งเน้นในเรื่องของกลไกเชิงป้องกันมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยทั้งสองหน่วยงานพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนและสนับสนุนข้อมูลการทำงานซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะในส่วนของการเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่เจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อสร้างความรับรู้ในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนอย่างถูกต้อง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพร้อมที่จะสนับสนุนวิทยากรในการบรรยายให้ความรู้ และในส่วนของกองทัพบกก็พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในเรื่องข้อมูลการตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือเมื่อมีข้อร้องเรียนในเรื่องต่าง ๆ นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมกันกำหนดแผนในการเยี่ยมชมหน่วยฝึกทหารใหม่ และหน่วยทหารต่าง ๆ เพื่อรับทราบถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่อีกด้วย
การพูดคุยกันในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกันในการขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชนที่กองทัพบกให้ความสำคัญ และพร้อมที่จะพัฒนาแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อป้องกันและปราบปรามมิให้เกิดการกระทำทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหายอันเป็นการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสากลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและสังคม.-313.-สำนักข่าวไทย