กรุงเทพฯ 26 ต.ค.- เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเผย จีนหวังว่าการพัฒนาของจีนจะส่งพลวัตรถึงเศรษฐกิจไทย พร้อมย้ำว่าจะส่งเสริมให้ทางการไทยตรวจสอบการทำผิดกฎหมายของคนจีนให้มากขึ้น
ในการอบรมเสวนาโครงการ ”มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้ ครั้งที่ 6“ ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “เศรษฐกิจจีนในมุมมองใหม่“ โดยเท้าความถึงการประชุมเต็มคณะ ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ครั้งที่ 3 ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการปฏิรูปอย่างลึกซึ้ง และรอบด้าน โดยที่ประชุมได้เสนอมาตรการปฏิรูปที่สำคัญกว่า 300 มาตรการ มุ่งเป้าดำเนินการให้สำเร็จภายใน 5 ปี ครอบคลุมทั้งระบบเศรษฐกิจแบบตลาด การเมืองประชาธิปไตยแบบจีน การพัฒนาคุณภาพสูง วัฒนธรรม และการพัฒนาสังคมรอบด้าน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ระบุว่า การประชุมดังกล่าวเป็นที่จับตามองของทั่วโลก เนื่องจากมีหลายมาตรการที่จะส่งผลต่อโครงสร้างของจีนในอนาคต ทำให้จีนปรับตัวดีขึ้นซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาของโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ยังกล่าวว่า จุดแข็งและข้อได้เปรียบของจีน คือ พรรคคอมมิวนิสต์ ที่มีเสถียรภาพ ยาวนานถึง 103 ปี มีสมาชิกพรรคกว่า 900 ล้านคนจึงสามารถที่จะวางแผนได้ระยะยาวและต่อเนื่อง หากมองจีนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันจะเห็นได้ว่า “การปฏิรูป” ถือ เป็นหัวใจสำคัญของจีน ในภาวะปัจจุบัน ทั่วโลกล้วนเผชิญปัญหาเศรษฐกิจเหมือนกันหมด ไม่เฉพาะจีน แต่รัฐบาลจีนก็ได้ดำเนินมาตรการการเงินการคลังอย่างมีเป้าหมาย เพื่อมุ่งกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างมีชีวิตชีวา ทั้งนี้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี กำลังเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่สำคัญของจีน โดยคิดเป็น 40% ของ GDP จีน และจะยังสามารถพัฒนาต่อได้อีก จีนหวังว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตให้ได้ถึง 5% ในปีนี้ จะส่งพลวัตรถึงเศรษฐกิจไทยด้วย
นอกจากนี้ ฯพณฯ หาน จื้อ เฉียง ยังกล่าวว่าเป้าหมายของจีน ถึงกลางศตวรรษนี้ คือ จีนจะประสบความสำเร็จอย่างรอบด้าน
ในด้านความสัมพันธ์ไทย-จีน นั้น เห็นได้ชัดว่ามีการพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และต่างให้การสนับสนุน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันดังจะเห็นได้จากในช่วงที่เกิดโรคระบาด COVID-19 อย่างไรก็ตามในมิติความสัมพันธ์และการไปมาหาสู่นั้น ย่อมมีการได้เปรียบ เสียเปรียบ การแข่งขัน หรือแม้แต่การกระทำความผิด ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การทำความผิดของคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่อาจหมายรวมถึงคนส่วนใหญ่ได้ พร้อมกันนี้ เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ย้ำว่าทางการจีน จะส่งเสริมทางการไทย ให้ตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมายของคนจีนให้มากขึ้น
ในมิติด้านการค้าการลงทุน เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ได้ยกตัวเลขสถิตินำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างไทย-จีน มาเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ไทยนำเข้าแผ่นซิลิโคนจากจีน คิดเป็นมูลค่ารวม 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 33,659 ล้านบาท ในขณะที่ไทย ส่งออกแผงโซลาร์เซลล์ไปยังประเทศจีน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 151,469 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า สินค้าไทยส่งออกเป็นมูลค่าสูงกว่าการนำเข้าสินค้าจีน
ทั้งนี้ 80% ของสินค้าจีนที่ส่งออกมายังไทย เป็นสินค้าที่ผลิตและส่งออกสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคไทยทั้งสิ้น ส่วนสินค้านำเข้าจากจีนที่ก่อให้เกิดการแข่งขันกับสินค้าไทย มีไม่ถึง 20% นอกจากนี้ บริษัทวิสาหกิจจีน ที่ลงทะเบียนกับสถานทูตมีมากกว่า 1,000 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมการผลิต จ้างแรงงานมากกว่า 90% สร้างห่วงโซ่อุปทานในสังคมไทย
ดังนั้น จึงเห็นว่าไทยและจีน ควรดำเนินความสัมพันธ์และความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจการค้าโดยไม่สะดุดหยุดลงเพียงเพราะปัญหาบางประการที่เกิดขึ้น
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง กล่าวว่า ปีหน้าจะเป็นวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย จึงเชื่อมั่นว่าด้วยความพยายามร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ จะส่งผลให้ความสัมพันธ์มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น.-810.-สำนักข่าวไทย