ไรเดอร์ถูกจัดฉากชิงทรัพย์ วงจรปิดจับภาพชัด


นนทบุรี 19 ต.ค.- ภัยสังคมบนท้องถนน ลุงไรเดอร์ถูกสองชายฉกรรจ์จัดฉากให้ขี่ จยย.เฉี่ยว แล้วตบทรัพย์ ไม่พอถูกชกหน้าจนตาแตก โชคดีวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์ได้


ภาพวงจรปิดที่ 1 เมื่อสักครู่นี้เสียงบีบแตรดังมาก ผู้ก่อเหตุขับรถตู้ฮุนไดสีดำ ปาดหน้ารถจักรยานยนต์ ลุงชัยพร ไรเดอร์ที่ขี่รถจักรยานยนต์อยู่ แล้วรถตู้บีบแตรเสียงดังมากพร้อมชะลอความเร็ว ส่วนด้านหลังมีรถกระบะสีบรอนซ์เงิน ก็บีบแตร ขับตามหลังรถลุงชัยพรมา แล้วก็บีบแตรเสียงดังเหมือนกัน

มาดูมุมวงจรปิดที่ 2 มุมนี้จะเห็นว่าลุงเร่งเครื่องมาตีคู่กับรถตู้สีดำที่เปิดไฟเลี้ยว โดยรถมีกระบะขับจี้มาไม่ห่างแล้วตีไฟเลี้ยวตามไปประกบด้วย หลังจากนั้นคนขับรถทั้งสองคันก็ลงมาตบทรัพทย์ลุงชัยพรและทำร้ายร่างกาย เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 16 ตุลาคม เวลา 21.30 น. ถนนกาญจนาภิเษก


ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งนำภาพคุณลุงชัยพรมาโพสต์เพื่อเตือนภัย ระบุว่าสงสารลุงไรเดอร์ มีบาดแผลหางคิ้วข้างซ้าย และตาซ้ายปูดบวม ระบุข้อความว่า “ปั๊มคาลเท็กซ์ แก้วอินทร์ บางใหญ่ ระวังกันด้วยนะคะ #สงสารคุณลุงไรเดอร์มาก #ยังจับคนร้ายไม่ได้เลย คุณลุงไม่มีลูกไม่มีหลานไม่มีเมีย มีแต่แม่ด้วยค่ะ”

ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพุดคุยกับลุงชัยพร อายุ 64 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่าวันเกิดเหตุ ขี่จักรยานยนต์ไปส่งอาหารตามปกติ จุดเกิดเหตุค่อนข้างมืด จู่ๆ มีรถตู้ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับมาปาดหน้าและชะลอแถมบีบแตรใส่ จังหวะเดียวกันก็มีรถกระบะสีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับจี้หลังมาบีบแตรไล่ ตนเบรกไม่ทันทำให้ชนท้ายรถตู้ จึงขี่รถไปจอดริมทางเพื่อเจรจากัน คนขับรถตู้เดินลงมาจากรถ ถามว่ารู้ไหมว่ากูเป็นใคร เขาห้อยบัตรคล้ายเจ้าหน้าที่ ขอดูใบขับขี่แล้วบอกให้ชดใช้ค่าเสียหาย 5,000 บาท ตนก็บอกว่าให้ไปเคลียร์กันที่โรงพัก แต่คนขับรถกระบะก็เดินลงมา แล้วกระชากกระเป๋าเงินของตนไปหยิบเงินไปหมด ตอนนั้นตนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเขาก็แย่งไปแล้วชกหน้าตนจนตาแตกก่อนจะคืนโทรศัพท์ แล้วก็พากันขับรถออกไปพร้อมกัน ตนจึงขี่รถจักรยานยนต์ไปที่ปั๊มน้ำมัน ห่างจากจุดเกิดเหตุ 400 เมตรเพื่อจะให้กลุ่มไรเดอร์ที่รู้จักช่วยเหลือ พาไปโรงพยาบาลปรากฏว่าต้องเย็บคิ้วแตก 5 เข็ม ส่วนกระดูกเบ้าตาแตกร้าว

ตอนนี้แจ้งความแล้วที่ สภ.บางใหญ่ อยากให้ตำรวจติดตามจับกุมเร็วที่สุด ตนอายุขนาดนี้ออกไปทำมาหากินได้เงินวันละ 500 บาท ต้องเลี้ยงแม่ แต่ต้องมาถูกหนุ่มๆ มีกำลัง ทำร้ายร่างกายเอาเปรียบแบบนี้ ไม่เป็นธรรมเลย ทั้งนี้ตำรวจเผยว่าจะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ คาดว่าจะได้ตัวเร็วนี้แน่นอน .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”