กรุงเทพฯ 7 ต.ค.- รายงานของสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ระบุว่า เครือข่ายอาชญากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทรงอิทธิพลมีการใช้แอปพลิชันเทเลแกรมอย่างกว้างขวาง เพราะสามารถปรับแก้ไขให้สามารถกระทำผิดกฎหมายครั้งใหญ่
สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นโอดีซี (UNODC) เผยแพร่รายงานในวันนี้ว่า ข้อมูลที่ถูกเจาะระบบ เช่น บัตรเครดิต พาสเวิร์ด และประวัติการท่องเว็บ ถูกนำไปซื้อขายอย่างกว้างขวางในเทเลแกรม เช่นเดียวกับเครื่องมือที่ใช้ในการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ เช่น ซอฟต์แวร์ดีปเฟค ขณะที่มีเว็บไซต์แลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ไม่จดทะเบียนจำนวนมากเปิดให้บริการฟอกเงินแก่อาชญากรไซเบอร์
รายงานระบุว่า มีหลักฐานชัดเจนว่าตลาดขายข้อมูลใต้ดินได้ย้ายไปใช้เทเลแกรม และพยายามมองหาลูกค้าที่เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่มีฐานก่ออาชญากรรมอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรอาชญากรรมเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นแก๊งชาวจีนที่อยู่ในพื้นที่ปิดแน่นหนา ใช้คนทำงานที่ถูกล่อลวงมา มีเงินหมุนเวียนปีละ 27,400-36,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 915,900 ล้านบาท-1.22 ล้านล้านบาท)
เทเลแกรมมีผู้ใช้งานเกือบ 1,000 ล้านคน มีรายงานว่า ตำรวจเกาหลีใต้ได้เปิดการสอบสวนเทเลแกรมเรื่องก่ออาชญากรรมทางเพศออนไลน์ หลังจากพบว่ามีสตรีเกาหลีใต้จำนวนมากตกเป็นเหยื่อการใช้เทคโนโลยีดีปเฟคไปสร้างคลิปลามกอนาจาร ขณะที่สตาร์เฮลท์ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่ที่สุดของอินเดียฟ้องเทเลแกรมเรื่องแฮกเกอร์ใช้แชทบอตในเทเลแกรมเป็นช่องทางเปิดเผยข้อมูลของบริษัท.-814.-สำนักข่าวไทย