7 เดือนแรกของปี 67 ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 0.2%

กรุงเทพฯ 13 ก.ย. – สถานการณ์ใช้น้ำมัน 7 เดือนแรก ของปี 2567 เพิ่มขึ้น 0.2% แต่กลุ่มเบนซินลดลงร้อยละ 1.4 จากปัจจัยราคาขายปลีกปรับสูงขึ้น การพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟฟ้า รวมถึงการขยายตัวของรถอีวี


นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรอบ 7 เดือน เฉลี่ยเดือนมกราคม–กรกฎาคม 2567 อยู่ที่ 156.50 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 0.2 โดยกลุ่มเบนซินลดลงร้อยละ 1.4 ปัจจัยสำคัญจากระดับราคาขายปลีกที่อยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน การพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตเมืองและโครงการรถไฟทางคู่ที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด รวมถึงจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากข้อมูลจำนวนโรงงานที่แจ้งเปิดกิจการใหม่และมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 1 น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.7 ขยายตัวจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ขณะที่น้ำมันเตาลดลง ร้อยละ 19.1 NGV ลดลงร้อยละ 17.1 ซึ่งมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และการใช้ LPG เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1

รายละเอียดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิดในเดือนมกราคม –กรกฎาคม 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มีดังนี้


     การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.55 ล้านลิตร/วัน ลดลงทุกชนิดน้ำมันยกเว้นการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ประกอบด้วยแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลงมาอยู่ที่ 17.64 ล้านลิตร/วัน แต่ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดที่ร้อยละ 56 รองลงมาคือ แก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.64 ล้านลิตร/วัน คาดว่าเป็นผลสืบเนื่องจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพโดยมีการลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งแต่พฤศจิกายน 2566 - เมษายน 2567 ส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ต่ำกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 ถึง 1.40 - 1.78 บาท/ลิตร (จากเดิมในปี 2566 0.51 บาท/ลิตร) ประชาชนบางส่วนจึงหันไปใช้แก๊สโซฮอล์ 91 แทน สำหรับแก๊สโซฮอล์ อี20 ลดลงมาอยู่ที่ 5.47 ล้านลิตร/วัน เบนซิน ลดลงมาอยู่ที่ 0.42 ล้านลิตร/วัน และแก๊สโซฮอล์ อี85 ลดลงมาอยู่ที่ 0.07 ล้านลิตร/วัน ตามลำดับ 

การใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการ เฉลี่ยอยู่ที่ 68.06 ล้านลิตร/วัน ประกอบด้วยดีเซลหมุนเร็วธรรมดา เพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ 67.90 ล้านลิตร/วัน และดีเซลหมุนเร็ว บี20 ลดลงมาอยู่ที่ 0.15 ล้านลิตร/วัน ซึ่งยังคงอยู่ในช่วงระยะเวลาการตรึงราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไม่ให้เกิน 33 บาท/ลิตร จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 โดยใช้กลไกการบริหารเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในขณะที่ดีเซลพื้นฐาน ลดลงมาอยู่ที่ 1.64 ล้านลิตร/วัน สำหรับน้ำมันกลุ่มดีเซลภาพรวมอยู่ที่ 69.69 ล้านลิตร/วัน

การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 15.65 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.7 โดยมีปัจจัยมาจากการฟื้นตัวในภาคการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยว เช่น นโยบายฟรีวีซ่า การเพิ่มเที่ยวบินพิเศษในช่วงเทศกาล การลดหย่อนภาษีสำหรับพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองรอง มาตรการอนุญาตให้ชาวต่างชาติจาก 93 ประเทศเดินทางเข้าราชอาณาจักรได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า อย่างไรก็ตามปริมาณการใช้ยังไม่กลับไปสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19

การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 18.69 ล้านกก./วัน ประกอบด้วยภาคปิโตรเคมี เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.69 ล้านกก./วัน ภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.71 ล้านกก./วัน และภาคขนส่ง เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.32 ล้านกก./วัน โดยมีสาเหตุสำคัญจากจำนวนรถแท็กซี่ LPG มียอดจดทะเบียนเพิ่มขึ้นสวนทางกับจำนวนแท็กซี่ NGV ที่มีแนวโน้มลดลง ในขณะที่การใช้ในภาคอุตสาหกรรม ลดลงมาอยู่ที่ 1.97 ล้านกก./วัน ซึ่งมีแนวโน้มปรับเปลี่ยนไปใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น


การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 2.87 ล้านกก./วัน โดยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับจำนวนรถจดทะเบียน NGV สะสม และจำนวนสถานีบริการ NGV ที่มีแนวโน้มปิดตัวลง ทั้งนี้ ปตท. ยังคงช่วยเหลือโดยตรึงราคาให้กับกลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะที่ถือบัตรสิทธิประโยชน์ ปัจจุบันดำเนินการอยู่ในระยะที่ 2 (1 กรกฎาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2568)

การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยอยู่ที่ 1,037,105 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 2.8 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 98,776 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 972,261 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 1.9 เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันมีการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 93,970 ล้านบาท/เดือน สำหรับการนำเข้า น้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) อยู่ที่ 64,844 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 15.4 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 4,806 ล้านบาท/เดือน

การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เฉลี่ยอยู่ที่ 169,133 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPG คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 17,517 ล้านบาท/เดือน. -517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”