กรุงเทพฯ16 พ.ค.-โบรกเกอร์ มองเป็นเรื่องดี ผู้ว่า ธปท.- รมว.คลัง คุยกัน ชี้หากรีบร้อนลดดอกเบี้ยนโยบายมากเกินไป ไม่เป็นผลดีต่อค่าเงินบาท โดยสนับสนุนความร่วมมือออกสินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอี ด้าน WHA มองขึ้นค่าแรง 400 บาท/วัน ไม่กระทบลูกค้าย้ายฐานลงทุนในนิคมฯ แต่อาจจะกระทบ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่เป็น ซัพพลายเชนด์
นายกวี ชูกิจเกษม Head of Research and Content บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในการพบปะหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการคุยกันของคนที่มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้น่าจะคุยกันรู้เรื่องว่าจะลดหรือไม่ลดดอกเบี้ย เพราะถ้าไปรีบร้อนลดดอกเบี้ยนโยบายมากเกินไป ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าไปมากกว่านี้ การที่เราคงอัตราดอกเบี้ยไว้จะส่งผลดีกว่า ซึ่งในขณะนี้มีแนวโน้มที่สหรัฐจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยลง ก็ส่งผลให้ค่าเงินบาทเราเริ่มแข็งแล้ว ดังนั้นจึงไม่ควรลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วจนเกินไป จนกว่าจะมีการขยับของประเทศสหรัฐก่อน
“ประเด็นที่ รมว.คลัง และผู้ว่า ธปท. จะคุยกันวันนี้ ก็คงเป็นเรื่องการกำหนดแนวร่วมเดียวกันสุดท้ายเราจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะกระตุ้นแบบไหนหาก ธปท. ลดดอกเบี้ยลงไม่ได้ จะช่วยผ่อนคลายให้กับธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยสินเชื่อได้มากน้อยแต่ไหน เพราะธปท. สามารถผ่อนคลายเงื่อนไขบางอย่างได้ เพื่อให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้กับ เอสเอ็มอีมากขึ้น ข่าวดีหากดอกเบี้ยสหรัฐลดได้จริง ดอกเบี้ยของไทยก็จะลดลงได้บ้าง ก็จะช่วยให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีจะได้ประโยชน์
เรื่องอื่น ๆ น่าจะคุยเรื่องสภาพคล่องในธุรกิจ เอสเอ็มอี เพราะมีสภาพคล่องที่ไม่ดีติดหนี้กันไปมาเป็นห่วงโซ่ หากไปปรับตรงนี้ได้ เศรษฐกิจก็น่าจะมีสภาพคล่องมากยิ่งขึ้น
นส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในภาพรวมการเคลื่อนย้ายฐานการลงทุนที่ผ่านมาจะมาที่ไทยมากขึ้น การที่นายกรัฐมนตรีออกไปโรดโชว์ตั้งแต่ปีที่แล้ว สามารถดึงกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่สนใจเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยเพิ่มขึ้น ซึงส่งผลบวกกับหุ้นนิคมอุตสาหกรรม เพราะนอกจากกลุ่มนักลงทุนจีนแล้ว ยังมีกลุ่มยุโรป และสหรัฐก็เข้ามาด้วย
ที่ผ่านมา WHA และภาครัฐทำงานคู่ขนานกัน ที่ผ่านมา ดึงกลุ่ม อีวี เข้ามาก่อน เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้ผลิตชิ้นส่วน อีวี ตามมาอีกเป็นจำนวนมาก ผลักดันไทยให้เป็น ฮับอีวีของอาเซียน โดยสิ่งที่เรามองถัดจากนี้จะมีการเคลื่อนย้ายกระแสการลงทุนในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ และเทคโนโลยีดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งมองว่าศักยภาพของไทยรองรับตรงนี้ได้
รวมทั้งภาครัฐออกมาตรการส่งเสริมด้านภาษี และอื่น ๆ เพื่อดึงดูดการลงทุนเข้ามา รวมทั้งไทยยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาดที่ดี เพราะกลุ่มพวกนี้ต้องการพลังงานสะอาดมาก หากไทยตอบโจทย์เหล่านี้ได้ก็จะเข้ามาลงทุนที่ไทย
ในด้าน WHA มีบริษัทดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกเข้ามาตั้งใน WHA แล้วหลายราย และกำลังดึงอีกรายใหญ่อีกรายเข้ามาเพิ่มเติม คาดว่าจะสามารถปิดดิลได้ภายในเดือน มิ.ย. – ก.ค. นี้ ก็จะทำให้มีรายใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 1 ราย ส่วนเป้าหมายในปีนี้ ยอดขายนิคมฯในไทยตั้งไว้ที่ 1,650 ไร่ ไม่รวมรายใหญ่ที่จะปิดดิลได้ ส่วนที่เวียดนามอีก 600 ไร่ รวมทั้งหมดเป็น 2,250 ไร่ หากปิดดิลรายใหญ่ได้ ครึ่งปีหลังอาจจะขยับเป้าเพิ่มขึ้น
สำหรับการปรับค่าแรงขั้นต่ำที่จะปรับขึ้นเป็นวันละ 400 บาท มองว่าจะไม่กระทบกับโรงงานในนิคมฯ เพราะเป็นโรงงานระดับโลก จะใช้แรงงานทักษะสูงกว่าปกติ จึงไม่ได้จ่ายเงินเดือนด้วยค่าแรงขึ้นต่ำอยู่แล้ว จึงคาดว่าไม่กระทบ แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่อาจจะมีซัพพลายเชนด์ ข้างนอกที่เป็นเอสเอ็มอี หากมีการปรับค่าแรงเพิ่มขึ้น ไม่แน่ใจว่าต้นทุนในส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ขณะนี้กำลังติดตามข้อมูลกับลูกค้าในนิคมฯอยู่ -511 สำนักข่าวไทย