กรุงเทพ ฯ 14 ส.ค.-นายกรัฐมนตรีสั่งเฝ้าจับตาพายุในช่วงเดือนส.ค.นี้ เตรียมรับมือน้ำช่วงก.ย.-ต.ค. ย้ำต้องไม่ประมาท ติดตามข้อมูลใกล้ชิด
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้รับรายงานว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม โดยรวมเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ยังคงมีสถานการณ์อยู่อีก 8 จังหวัด คือ จ. สกลนคร กาฬสินธุ์ นครพนม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี หนองคาย และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งกรมชลประทานและกองทัพเรือได้เร่งใช้เครื่องผลักดันน้ำและเรือผลักดันน้ำระบายน้ำออกนอกพื้นที่ คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หากไม่มีฝนตกหนักลงมาเพิ่มเติม
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุมที่จะต้องเฝ้าจับตาเรื่องพายุเป็นพิเศษ แม้ว่าหลายฝ่ายออกมาให้ข้อมูลว่าจะไม่เกิดอุทกภัยใหญ่ดังเช่นเมื่อปี 2554 แต่จะต้องไม่ประมาท เพราะอาจเกิดสถานการณ์ขึ้นได้ในพื้นที่ที่เคยเกิดเหตุซ้ำซากมาแล้ว โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดและเตรียมการรับมือกับปริมาณน้ำในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมที่จะถึงนี้” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกำชับเรื่องการเตือนภัยแก่พี่น้องประชาชน และการจัดทำแผนลดความเสี่ยงหากเกิดอุทกภัยในจุดสำคัญ เช่น โรงพยาบาล สนามบิน พื้นที่เศรษฐกิจ ฯลฯ โดยจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ หลังจากที่คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภายใต้การกำกับของนายกรัฐมนตรีแล้ว ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.60) หลังประชุมคณะรัฐมนตรี จะประชุมอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน และอื่น ๆ ให้หารือแนวทางบูรณาการการทำงานร่วมกันต่อไป
“สำหรับการบริหารจัดการน้ำในภาคกลาง เช่น ที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่กรมชลประทานสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ จึงคาดว่าน่าจะรับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนักได้เป็นอย่างดี” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย