กรุงเทพฯ 11 ส.ค. -ก.พลังงานมึนการใช้ไฟฟ้าครึ่งแรกลดลง 6 พันล้านหน่วย ทั้งที่การใช้อุตฯโต การใช้ภาคครัวเรือนทรุด ระดมสมองปรับแผน เดือน กันยายนนี้
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน จะประชุมระดมความคิดเห็นเดือนกันยายนนี้ เพื่อปรับแผนยุทธศาสตร์ในอนาคตรับกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นและส่งผลต่ออนาคต เช่น นวัตกรรมสำรองพลังงาน รถยนต์ไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์เป็นต้น รวมทั้งราคาพลังงาน โดยจะมีการพิจารณาถึงปัจจัยที่ปรับ 5 แผนหลักของกระทรวงทั้งแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี ) แผนน้ำมัน แผนก๊าซฯ แผนอนุรักษ์พลังงาน และแผนพลังงานทดแทน โดยในส่วนของแผนพีดีพี ได้สั่งการให้ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เร่งสรุปแนวโน้มเบื้องต้นให้เสร็จในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
“เบื้องต้น สนพ.ได้เสนอการปรับแผนพีดีพี โดยดูตัวเลขแล้วให้ไปทบทวนใหม่ เพราะตัวเลขเรื่องประเมินนวัตกรรมใหม่ เช่น สำรองไฟฟ้า อยู่ในตัวเลขที่สูงมาก ทั้งที่ขณะนี้โลกอยู่ในระหว่างพัฒนา ต้นทุนสูงและยังไม่ชัดเจนว่าจะสำรองพลังงานได้ยาวนานเพียงใด โดยขอให้ สนพ.พิจารณาหลากหลายประเด็นมากขึ้น” ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว
ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีกปีนี้ ลดต่ำลงกว่าปีที่แล้ว และส่งผลให้การใช้ก๊าซธรรมชาติลดลงตามการใช้ไฟฟ้าในระบบของ 3 การไฟฟ้ลดลงในช่วง 6 เดือนแรก หรือลดลงประมาณ 6 พันล้านหน่วย จากการประเมิน คาดว่ายังไม่เกิดผลกระทบจากการที่ภาคเอกชนมีการผลิตไฟฟ้าใช้เองหรือไอพีเอสมากขึ้น เพราะมีปริมาณไม่มากนักเบื้องต้น 200 เมกะวัตต์ ในขณะที่การใช้ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมยังเติบโตร้อยละ1-2 ซึ่งน่าจะเกิดจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาคครัวเรือนมีการใช้ไฟฟ้าลดลงมาก ในส่วนนี้ อาจจะเกิดจากอากาศปีนี้ร้อนน้อยกว่าปีที่แล้ว และมีฝนตกน้ำท่วม หรืออาจจะมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยข้อมูลทั้งหมดจะต้องมีการวิเคราะห์ และใช้สำหรับการปรับแผนกันต่อไป
สำหรับการใช้ไฟฟ้าทั้งปี ในปี 2560 ทางกระทรวงพลังงานยังคาดว่าจะอยู่ที่ 186,484 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 ตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และเมื่อพิจารณาประสิทธิภาพการใช้พลังงานรวมของประเทศ (Energy Intensity) คาดว่าจะลดลงร้อยละ 1.6 เทียบกับปีก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการใช้พลังงานของประเทศที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น-สำนักข่าวไทย