รัฐสภา 3 เม.ย.-“จุรินทร์” อัดนายกฯ เซลล์แมน ถามบินเป็นสิบประเทศทำการตลาดหรือการตลก ชี้ผลงานชิ้นเดียวทำได้ไวสุด คือการสร้างนักโทษพันธุ์ใหม่ ตั้ง 3 คำถาม ปมยุติธรรมสองมาตรฐาน หวั่นนิรโทษกรรมคนโกงคือระเบิดเวลา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ว่า ตนเป็น 1 คนที่ร่วมลงชื่ออภิปราย เพราะเห็นว่ารัฐบาลบริหารมา 7 เดือน สมควรแก่เวลาที่จะส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลกำลังเดินผิดทาง และพร้อมสนับสนุนรัฐบาลในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ก่อนเสนอญัตติ รัฐบาลพยายามสร้างกระแสว่าจะอภิปรายทำไม เพราะยังไม่ใช้งบสักบาท
“บอกเลยว่า นี่คือการตีหน้าซื่อกลางแดดชัด ๆ ที่ต้องพูดอย่างนี้เพราะแม้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ยังไม่บังคับใช้ แต่รัฐบาลสามารถใช้งบก้อนนี้ไปพลางก่อนได้ ฉะนั้นหากดูตัวเลขจะเห็นชัดเจนว่า สำนักงบประมาณจัดงบให้รัฐบาลใช้ไปพลางก่อน 1.837 ล้านล้านบาท แล้วรัฐบาลที่อ้างว่างบยังไม่ผ่าน กลับใช้เงินไปแล้ว 44 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินทั้งหมด ที่บอกว่ายังไม่ใช้งบสักบาท นี่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกประชาชนชัด ๆ ผมจึงบอกว่า พ.ร.บ.งบฯ ยังไม่ออก ถ้าจะโกงก็โกงได้” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทำไมรัฐบาลบริหาร 7 เดือน ใช้เงินไปมากขนาดนี้ แต่ยังสอบตก มีคำตอบ 2 ข้อ เพราะรัฐบาลชุดนี้มัวแต่ใช้การตลาดนำการบริหาร เอาแต่สร้างภาพ แต่หลังภาพทุกวงการลงมติเกือบเป็นเอกฉันท์ว่า ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน วัน ๆ มีแต่อีเวนท์ คนไทยสำลักอีเวนท์ 6 เดือน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง บินไปบินมาหลายสิบประเทศ เป็นนายกฯ 180 วัน ไปอยู่เมืองนอกแล้ว 52 วัน
“มีคนถามว่าบินไปทำการตลาดหรือทำการตลก ที่บอกว่าไปทำการตลกเพราะอยู่เมืองไทยประกาศลั่นโลกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังวิกฤติ แต่พอลงเครื่องที่เมืองนอกไปเที่ยวเชิญเขามาลงทุนในประเทศ มหาเศรษฐีที่ไหน จะป่วยถึงขั้นเอาเงินเป็นล้านมาลงทุนในประเทศที่เศรษฐกิจยังวิกฤติ แต่ถ้าเขาจะมา แปลว่าเขาไม่เชื่อนายกฯ แต่เขาเชื่อมั่นในความเข้มแข็งในเศรษฐกิจไทย นายกฯ พยายามแสดงบทบาทเซลส์แมน ซึ่งดีแล้ว แต่คำถามคือในฐานะเซลล์แมนประเทศ ปิดการขายได้บ้างหรือยัง มีแต่สัญญาจะซื้อขายกับดอกไม้สายลม กลับถึงเมืองไทยคนที่รู้ทันถึงบอกว่า แค่เอาฝันมาฝาก” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตัวอย่างชัด นายกรัฐมนตรีสั่งให้ที่ปรึกษาแถลงข่าวโรดโชว์ใหญ่โตที่ทำเนียบรัฐบาลว่า การเดินสายต่างประเทศจะสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ 558,000 ล้านบาท ใน 10 ปี ยิ่งแถลง ยิ่งตอกย้ำว่า นี่คือการทำการตลาด เพราะยังไม่รู้ว่าจะเป็นฝันจริงหรือฝันเท็จ หรืออีกกรณี การจัดเทศกาลดนตรีทูมอร์โรว์แลนด์ คนในรัฐบาลโพสต์ผ่านเว็บไซต์รัฐบาลไทยว่าจะจัดขึ้นในไทยปี 69 และอาจจัดต่อเนื่องสิบปี ปรากฏว่า 2-3 วัน โป๊ะแตก เพราะมีคนจับได้ว่าทีมผู้จัดแถลงชัดเจนว่ายังไม่ยืนยันเรื่องนี้และยังต้องพิจารณาอีกมาก แปลว่าเขาปฏิเสธด้วยความสุภาพที่สุด
“ผมก็อยากให้สำเร็จ และขอเอาใจช่วยให้สำเร็จ แต่สิ่งที่อยากบอกนายกฯ คือคนไทยเขาอยากได้ของจริงมากกว่าการตลาด อะไรที่ยังไม่ใช่ ยังไม่ต้องตีปี๊บก็ได้ คนไทยไม่ได้กินแกลบ คนไทยอยากเห็นนายกฯ บินเหมือนเหยี่ยวมากกว่าแมลงวัน ที่บินทั้งวันแต่ไม่ได้อะไร นอกจากสร้างภาพว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหยี่ยวบินทีไรไม่พลาดเป้า เพราะเหยี่ยวไม่ทำการตลาด นี่คือสิ่งที่อยากให้นายกฯ พิจารณาในการบริหารต่อไป 7 เดือนรัฐบาลชุดนี้มีปัญหาทุกมิติ ปัญหาแรก ตราบใดที่รัฐบาลยังก้าวไม่พ้นคนชอบอวดบารมี รัฐบาลจะมีปัญหาทางการเมืองตลอดไป และขอความกรุณาคนในรัฐบาลอย่าโทษคนอื่น ว่าทำไมก้าวไม่พ้นบุคคล ๆ นี้เสียที ที่ก้าวไม่พ้น เพราะคนแรกคือนายกฯ เพราะถึงขั้นลงทุนนั่งรถประจำตำแหน่งไปสโลว์ซบถึงบ้าน แถมออกมาให้สัมภาษณ์ว่ายินดีเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีไปเยี่ยมคารวะได้” นายจุรินทร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอภิปราย นายจุรินทร์ได้ขึ้นภาพนายเศรษฐา ที่กำลังเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นประท้วงขอให้อภิปรายอยู่ในข้อบังคับ ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วินิจฉัยว่านายจุรินทร์ยังอภิปรายอยู่ในประเด็น จึงให้อภิปรายต่อ
จากนั้นนายจุรินทร์อภิปรายต่อว่า นายกรัฐมนตรีบอกว่าหากมีโอกาสจะไปขอคำปรึกษา แบบนี้ก้าวข้ามหรือไม่ ปัญหาที่ 2 ปัญหาทางการเมืองคือการมีนายกรัฐมนตรีหลายคน บางคนบอกเป็นแค่วาทกรรม นี่เป็นปัญหาที่รัฐบาลเผชิญ เพราะสิ่งเหล่านี้สะท้อนความไม่เชื่อมั่น ความด้อยค่านายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ทำให้คนเกิดความเข้าใจว่าไม่ได้มีนายกรัฐมนตรีคนเดียว
“ไม่ได้มีแค่นายกฯ นิด ยังมีนายกฯ ใหญ่ นายกฯ เล็ก ที่ผมต้องพูดเพราะก่อให้เกิดปัญหาการบริหารการเมือง เกิดอำนาจซ้อนอำนาจ ทำให้รัฐบาลนี้กลายเป็นรัฐบาลหุ่น นายกฯ จึงหงุดหงิดทุกครั้งที่ถูกถามเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นคำถามที่ดิสเครดิตนายกฯ โดยตรง และส่งผลต่อการบริหาร อย่างน้อยก็กระทบต่อสมาธิการทำงานและใช้อำนาจโดยที่ไม่รู้ว่าใครใหญ่กันแน่” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ปัญหาที่ 3 คือรัฐบาลชุดนี้เต็มไปด้วยรัฐมนตรีที่ไร้ประสิทธิภาพ ทำให้มีทั้งรัฐมนตรีที่โลกลืม รัฐมนตรีผิดฝาผิดตัว รัฐมนตรีต่างตอบแทน รัฐมนตรีทำการเฉพาะกิจ และรัฐมนตรีที่โลกเซ็ง เพราะโลกยังไม่ลืมแต่โลกเซ็ง เช่น รมว.คลังที่จ้องจะแยกเขี้ยวใส่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ แต่งานในหน้าที่ รายได้ 4 เดือนต่ำกว่าเป้า ขอฝากนายกฯว่า หากปรับครม.ครั้งนี้ ช่วยดูแลรัฐมนตรีที่โลกเซ็งด้วย ส่วนปัญหาถัดมาคือปัญหาเศรษฐกิจมหภาค ภาพรวม 7 เดือนที่รัฐบาลเข้ามาไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นเรื่องเศรษฐกิจ ตัวเลขต่ำกว่าเป้าที่คาดการณ์ หากรัฐบาลชุดนี้บริหารครบถึงเดือนธ.ค. มีการประเมินการคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2567 จะต่ำกว่าที่กำหนดไว้ นี่คือโจทย์สำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งแก้โดยด่วนตามสัญญาที่เคยหาเสียงไว้
“ส่วนเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต ประชาชนหลายคนเลิกเชื่อแล้ว เพราะเจอลูกหนี้ท่องคาถาไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย และเมื่อวานนี้ (2 เม.ย.) ก็มีมติครม. ไปแก้งบประมาณปี 2568 ให้ขาดดุลเพิ่มอีก 1.5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ดิจิทัล วอลเล็ต แปลว่าไม่ได้มีอะไรใหม่ แค่เปลี่ยนจากการออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน มาใช้เงินกู้จาก พ.ร.บ.งบ ปี 68 จำนวน 1.5 แสนล้านบาท แทน แล้วอีก 3.5 แสนล้านบาทจะเอาเงินมาจากไหน จนวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ ผมจะรอคำตอบวันที่ 10 เม.ย.” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทผมไม่ตำหนิ รัฐมนตรีว่าการแรงงาน เพราะไม่ใช่นโยบายของท่าน แต่นายกฯ ประกาศว่าอย่างไรก็ต้องเป็น 400 บาท เนื่องจากเป็นนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ สุดท้ายกลายพันธุ์จาก 400 บาททั่วประเทศ เหลือ 400 บาทแค่ 10 จังหวัดและเป็น 10 จังหวัดที่เป็นหย่อม ๆ เหมือนฝนตกเป็นหย่อมๆ ไม่ตกทั่วฟ้า และอีก 67 จังหวัด ไม่ตกเลยสักเม็ด สุดท้ายขึ้น 2 บาท ยังซื้อไข่ไม่เต็มฟอง นี่เป็นการละครหรือการลิเก ขณะที่ราคาพืชผล ปาล์ม ข้าวโพดก็ไม่ได้ดีขึ้น มันทรง ๆ มีแต่ข้าวที่กระเตื้องขึ้นมาเกือบหมื่นตั้งแต่เดือนพ.ค.เมื่อรัฐบาลที่แล้วอยู่” นายจุรินทร์ กล่าว
“ปัญหาใหญ่ที่สุดที่รัฐบาลต้องแก้ เพราะเป็นสิ่งที่เซาะกร่อนบ่อนทำลายรัฐบาลนี้มากที่สุด คือ การสร้างยุติธรรม 2 มาตรฐาน เป็นผลงานชิ้นเดียวที่ทำได้ไวที่สุด เป็นคำตอบว่ารัฐบาลนี้เพื่อใคร คือการสร้างนักโทษพันธุ์ใหม่ที่แม้แต่เทวดายังต้องยอมให้ใช้ชื่อ นับตั้งแต่คุกทิพย์ ปลอกคอทิพย์ เลี้ยงหลานทิพย์ ซึ่งทั้งหมดจะเกิดไม่ได้หากนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่รู้เห็นเป็นใจ จึงอยากถามนายกฯ 3 ข้อ และขอให้ช่วยตอบในฐานะฝ่ายบริหาร คุมเสียงข้างมากในสภาฯ จะทำหลักนิติธรรมให้เข้มแข็งกับประเทศได้หรือไม่ โดยจะปล่อยให้เกิดคุกทิพย์โมเดลมาใช้ซ้ำสองหรือไม่ ส่วนระเบียบใหม่ที่กรมราชทัณฑ์กำหนดออกมา หรือแปลง่ายๆ ให้ไปติดคุกที่บ้านได้ และระเบียบนั้นจะรวมคดีทุจริต หรือคดี ม.157 ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอความกรุณานายกฯ อย่าตอบว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการราชทัณฑ์ที่มาจากหลายหน่วยงาน เพราะมันเป็นลิงหลอกเด็กที่ดูถูกประชาชน ถ้าเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีคดี ม.157 ติดคุกที่บ้านได้ หลักนิติธรรมของไทยจะต้องถูกตั้งคำถามอีกครั้ง เพราะจะต้องเผชิญกับนักโทษเทวดาตัวใหม่ รวมถึงการนิรโทษกรรมที่มองว่าเป็นดาบสองคม ถ้าใช้ให้ถูก จะสร้างความปรองดองให้กับประเทศ ถ้าใช้ผิดทาง จะสร้างความขัดแย้งให้กับประเทศได้อีก
“ขอถามว่ารัฐบาลนี้มีนโยบายนิรโทษกรรมคดีทุจริตด้วยหรือไม่ อย่าคิดได้คืบเอาศอก ในอดีตเคยมีคนพังเพราะไม่รู้จักพอมาแล้ว และที่เตือนเพราะเมื่อถึงวันนี้ มีผู้ไปยื่นร้องต่อองค์กรต่างๆ เฉพาะกรณีนักโทษเทวดารวมแล้ว 24 เรื่อง สิ่งที่นายกฯ และพวกได้ทำกับหลักนิติธรรมของประเทศไว้ จะเป็นระเบิดเวลาที่ตั้งไว้ รอวันระเบิดใส่ตัวเองในอนาคต ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้ทุกท่านดวงตาเห็นธรรมโดยทั่วกันด้วยเทอญ” นายจุรินทร์ กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย