“ก่อแก้ว” ไม่ติดใจ เพื่อไทย ร่วมงาน ปชป. มองผลัดใบแล้ว

รัฐสภา 28 ส.ค.-“ก่อแก้ว” ไม่ติดใจ เพื่อไทย ร่วมงาน ปชป. มองผลัดใบแล้ว บอก “เฉลิมชัย-แกนนำรุ่นใหม่” ไม่อยู่ในเหตุสลายชุมนุมปี 53 ชี้ “ชวน-บัญญัติ-จุรินทร์” เป็นไม้แก่ดัดยาก พาพรรคตกต่ำ ขออย่ามองสกัดพรรคประชาชน แค่ร่วมกันทำงาน

นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แสดงความเห็นกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ตอบรับคำเชิญร่วมรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับว่าคนเสื้อแดงจำนวนมากยังติดใจกับคำว่าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นองค์กรที่บริหารโดยผู้บริหารแต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งผู้บริหารในยุคปัจจุบัน คือนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรคและคณะ เป็นผู้บริหารหลัก ไม่ได้เป็นกลุ่มคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์ในช่วงปี 2553 แต่อย่างใด ซึ่งเป็นคนละทีมกัน ซึ่งทีมที่มีปัญหา ในการออกคำสั่งใช้กำลังสลายการชุมนุม ด้วยความโหดเหี้ยม วันนี้ไม่อยู่กันแล้ว สลายกันไปหมด แยกย้ายกันไปหลายที่


”พรรคประชาธิปัตย์เป็นการผลัดคนกลุ่มใหม่เข้ามาทำหน้าที่บริหารแล้ว และเท่าที่ได้สัมผัส โดยส่วนตัวหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ก็มีมุมมองต่อการเมืองที่ดี เป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในเชิงบวก ไม่ฝักใฝ่ทหาร ไม่ฝักใฝ่อำนาจนอกระบบ และมีความตั้งใจที่จะจับมือกับพรรคการเมืองต่างๆ ในการขับเคลื่อนผลงาน ถ้าเป็นพรรครัฐบาลด้วยกัน โดยส่วนตัว ผมไม่ติดใจเลย แต่ถ้าเป็นบุคคลที่เคยเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปี 2553 และเข้ามาเป็นรัฐมนตรีอย่างนี้คงไม่เห็นด้วย“ นายก่อแก้ว กล่าว

เมื่อถามว่า แต่ชื่อของพรรคประชาธิปัตย์อาจทำให้คนเข้าใจพรรคเพื่อไทยผิดได้ นายก่อแก้ว กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ จึงต้องอธิบายให้ฟังว่า คนละกลุ่มกัน กลุ่มนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และ อย่าลืมว่า กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่มาแย่งชิงอำนาจ การบริหารพรรคประชาธิปัตย์ทำให้กลุ่มเดิมต้องทดถอยไปเรียกว่าหมดอำนาจในพรรค ซึ่งเป็นการดีเสียอีก เพราะทำให้สถาบันการเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้การเมืองของประเทศไทยกลับเข้าสู่ในระบบ ไม่เหมือนเมื่อก่อน เวลาแพ้เลือกตั้ง ก็จะนำเข้าออกมาชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาล แต่เท่าที่คุยกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค และนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ไม่มีแนวคิดเรื่องพวกนี้ ตั้งใจทำการเมืองในระบบให้อยู่ในรัฐสภาให้ถูกต้องตามกระบวนการ ซึ่งอยากเห็นประชาธิปัตย์เป็นไปในทิศทางนี้ เพราะฉะนั้นการที่ได้ผู้บริหารชุดนี้มาร่วมงานกัน จึงเป็นเรื่องดีเสียอีกที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ส่วนกลุ่มบุคคลที่เป็นผู้บริหารเก่าๆ ที่เคยนำพาพรรคประชาธิปัตย์ในทางที่ไม่ถูกต้อง จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำอย่างมาก วันนี้เห็นแล้วว่า ได้รับผลกลับ แม้กระทั่งสมาชิกเองก็ไม่ยอมรับ ประชาชนทั่วไปก็หนีหายไปหมด โหวตเตอร์ในภาคใต้ก็หันไปเลือกพรรคอื่นเสียส่วนใหญ่


“วันนี้ผมก็คาดหวังว่าการเข้ามาของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้บรรยากาศการเมืองดีขึ้น ช่วยลดความขัดแย้ง ช่วยลดความอคติในใจของคนเสื้อแดงด้วย และของแฟนคลับที่เหนียวแน่นของพรรค ประชาธิปัตย์ด้วย ให้หันมาทำงานการเมืองในเชิงสร้างสรรค์ด้วยกัน แข่งขันการสร้างผลงานและสร้างนโยบายที่ดีให้กับประชาชน” นายก่อแก้ว กล่าว

ทั้งนี้ ในพรรคประชาธิปัตย์ ยังมีคนเก่าๆ อยู่ อาทิ นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎฺ์นั้น นายก่อแก้ว กล่าวว่า 3 คนนั้น เรียกว่าเป็นไม้แก่ที่ดัดยากดัดอย่างไรก็ไม่ได้ ห่วงอย่างเดียวว่า ถ้าทั้ง 3 คนนั้นออกมาขับเคลื่อนอะไรที่ขัดแย้งกับกลุ่มผู้บริหารชุดปัจจุบัน อาจมีมีปัญหาถูกขับไล่ออกจากพรรคได้ ก็ไม่อยากให้ท่านต้องถูกขับไล่ออกจากพรรค อยากให้อยู่ แต่ว่าอยากให้อยู่ในจุดที่มีมารยาทในการอยู่เหมือนกัน เพราะวันนี้มาร่วมเป็นรัฐบาลเดียวกันแล้ว ทุกท่านต้องเข้าใจกติกาการอยู่ร่วมกันและมารยาทของแต่ละคนต้องมี เพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลทำงานด้วยความสมานฉันท์และเดินหน้าสร้างผลงานได้ ถ้าขัดแข้งขัดขากันเอง ก็ไม่เหมาะที่จะมาเป็นรัฐบาลร่วมกัน การตัดสินใจนำประชาธิปัตย์มาร่วม สส. ในพรรคทุกคนโอเคใช่หรือไม่ นายก่อแก้ว กล่าวว่า โดยรวมถือว่าโอเค เนื่องจาก สส. เพื่อไทย ไม่ต้องการพรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ก็เป็นโจทย์ที่ลงตัวในการแก้ปัญหา จากการที่ไม่เอาพรรคพลังประชารัฐ

ทั้งนี้ ประเมินถึงเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างไร นายก่อแก้ว กล่าวว่า ดูในการทำงานของสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน มีการปรับตัวเข้าหากันอยู่แทบทุกเรื่อง มีบางเรื่องที่อาจจะเห็นต่างกันบ้างแต่ก็พยายามหาทางออก แล้วคุยกัน พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งมีแค่ 20 เสียง ถือว่าจำนวนน้อย ซึ่งก็เข้าใจสถานการณ์และต้องปรับตัวให้ได้เหมือนพรรคอื่นๆ ในการอยู่ร่วมกัน เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีข้อขัดแย้งสำคัญ ในนโยบายของแต่ละพรรค เชื่อว่าก็เดินหน้ากันไปเรื่อยๆได้ไม่มีปัญหา


นอกจากพรรคประชาธิปัตย์การเทียบเชิญพรรคอื่นๆ เช่น พรรคไทยสร้างไทย สส. พรรคเพื่อไทยรับได้หรือไม่ นายก่อแก้ว กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันแล้วจากการติดตามสถานการณ์การเมือง เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่มีแนวคิดในการเชิญพรรคอื่นที่อาจจะมีข้อขัดแย้งในการทำงานร่วมกัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เท่าที่ติดตาม ผู้ใหญ่ก็พยายาม หาพรรคที่ทำงานด้วยกันได้ คุยกันได้ทุกเรื่อง อย่างที่ผ่านมาในสมัยคณะรัฐมนตรีนายเศรษฐา พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคใหญ่และมีความเห็นต่างกันในเรื่องนโยบายกัญชา แต่สุดท้ายก็หาทางออกร่วมกัน ส่วนข้อขัดแย้งอื่น เชื่อว่าคุยกันได้ ไม่มีปัญหา โดยธรรมชาติการเมืองถ้ามีทิศทางเดียวกันและใกล้เคียงกันก็ไม่มีปัญหาเลย

ทั้งนี้ คนภายนอกมองว่าการรวมกันครั้งนี้เป็นเฉพาะกิจ เพื่อสกัดกั้นพรรคประชาชน นายก่อแก้วกล่าวว่า อย่าใช้คำว่าสกัดกั้น การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเป็นการทำงานร่วมกัน ถ้ามีพรรคการเมืองใดที่มีแนวคิดแตกต่างกัน บางพรรคก็ไม่อยากไป จับมือด้วยเพราะทำงานด้วยกันยาก เพราะฉะนั้นการที่พรรครัฐบาลชุดปัจจุบันจับมือด้วยกันก็มองว่าอยู่ในกลุ่มทำงานด้วยกันได้ คุยกันได้และมีภาพรวมที่เข้าใจกัน.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]