“วันชัย” เห็นด้วยแก้ รธน. ทำประชามติ 2 ครั้งมากเกินพอ

รัฐสภา 29 มี.ค.- “วันชัย” เห็นด้วยแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาวินิจฉัย เหตุ มองเห็น 3 จุดด้อย ยัน ทำประชามติ 2 ครั้งก็มากเกินพอ คาด แก้ไขครั้งนี้ รวบงบตั้ง ส.ส.ร. วงเงินเกือบ 20,000 ล้านบาท


นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวอภิปรายญัตติข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เรื่องให้รัฐสภา มีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) ซึ่งมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ยื่น ว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน (2560) ใช้มาเป็นระยะเวลา 6-7 ปี และได้ตั้งกรรมาธิการศึกษาข้อดี ข้อด้อย จุดอ่อน จุดแข็ง ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และมีข้อเสนอจะแก้ตรงนั้นตรงนี้ในมาตรานั้นมาตรานี้

ซึ่งแปลว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หลังจากที่ใช้มาระยะหนึ่งคณะกรรมาธิการหรือผู้ที่ทำการศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าควรมีการแก้ไข ส่วนจะแก้ไขด้วยวิธีใด จะทั้งฉบับหรือไม่ก็ตาม เป็นที่ยอมรับกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีประเด็นที่ควรแก้ไข โดยส่วนตัวในฐานะที่มีส่วนในการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ตั้งแต่ก่อน จนกระทั่งประกาศใช้และถึงปัจจุบัน เห็นชัดเจนว่ามีประเด็นที่ควรแก้ไข อาทิ


  1. ที่มาขององค์กรอิสระ ทั้งคุณสมบัติของคณะกรรมการในองค์กรอิสระคณะต่างๆ โดยที่ประชาชนแทบไม่มีส่วนเข้าไปอยู่ในองค์กรอิสระเลย และเป็นเรื่องที่ตนเห็นว่าควรแก้ไขอย่างยิ่งในฐานะที่เป็น สว. โหวตบุคคลในองค์กรอิสระมาถึง 5 ปี ซึ่งเห็นจุดบกพร่องที่ควรแก้ไข เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง พร้อมขอฝากไว้ในสมาชิกรัฐสภาที่จะต้องพิจารณาแก้ไขต่อไป
  2. การได้มาซึ่ง สว. ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567 นี้ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรต้องมีการแก้ไขที่มาของ สว. เสียใหม่ ส่วนจะเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยส่วนตัวของตนที่ได้ศึกษาเรื่องดังกล่าว “เห็นควรต้องแก้ไข” เนื่องจากมีความสำคัญ เพราะถือว่าเป็นหนึ่งองค์กรในการถ่วงดุลคานอำนาจซึ่งกันและกัน ฉะนั้น จึงฝากไปว่า “เรื่องนี้ควรต้องแก้ไข”
  3. การปฏิรูปประเทศ ที่ยังอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ระบุไว้ แต่เวลาปฏิบัติจริงเพื่อให้เป็นเรื่องราวที่สามารถปฏิรูปได้จริงๆ ให้ สว.มีหน้าที่ติดตาม เร่งรัดและเสนอแนะ แต่บุคคลที่ทำการปฏิรูปคือรัฐบาล ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรที่เป็นมักเป็นผลเลย ดังนั้น สิ่งที่ควรต้องแก้ไข ย้ำว่า เป็น 3 เรื่องที่ สว. ใน 5 ปีได้เห็นเป็นประจักษ์ต่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

ส่วนปลีกย่อยเรื่องการกระจายอำนาจและหลายๆ เรื่องที่มีบุคคลได้ทำการศึกษามา แปลว่า รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวถึงคราวต้องมีการปรับปรุงแก้ไข ส่วนจะแก้ไขอย่างไรเมื่อไหร่ ให้เป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาที่จะต้องดำเนินการต่อไป เนื่องจาก สว. ชุดปัจจุบันคงไม่ทันต่อการแก้ไข ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่ตนเห็นก็คือการทำประชามติ เท่าที่ญัตตินี้มีการเสนอเข้ามา ชี้ให้เห็นว่าจัดทำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว อาจต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง เปิดครั้งที่ 1 ก่อนแก้ไข ครั้งที่ 2 คือ ตาม 256 (8) และครั้งที่ 3 คือเมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นพร้อมกับให้ประชาชนดูว่าเห็นด้วยหรือไม่ สรุปคือตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งมันอะไรกันนักกันหนาเพราะการแก้รัฐธรรมนูญ 1 ที ต้องทำประชามติถึง 3 ครั้ง ใช้งบประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมการเลือก ส.ส.ร. ซึ่งหากเลือก ส.ส.ร.จะใช้งบประมาณอีก 3,000 ล้านบาท โดยที่ ส.ส.ร. จะต้องทำงานอีก 1-2 ปี ใช้งบประมาณเกือบ 10,000 ล้านบาท ซึ่งการจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งทีต้องใช้เงินเกือบ 20,000 ล้านบาท “อะไรกันนักกันหนา” ขณะที่สภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในขณะนี้

นายวันชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำประชามติ 2 ครั้งก็มากเกินพอแล้ว ซึ่งตนเห็นด้วยกับญัตติดังกล่าว ว่า 256 วงเล็บ 8 เมื่อมีการผ่านสภาว่าจะมีการทำรัฐธรรมนูญ และใช้การตั้ง ส.ส.ร. ถามไปในคราวเดียวกัน กับ 256 (8) เนื่องจากเป็นเพียงปฐมบทของการเริ่มต้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น ขณะเดียวกันหากเราตัดสินใจเช่นนี้เกรงว่าทำไปแล้วจะมีปัญหาขัดต่อรัฐธรรมนูญและจะเสียของไปเปล่า และเมื่อประธานไม่บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระและสมาชิกมองว่าเป็นอำนาจหน้าที่ จะส่งผลให้เกิดความขัดแย้งดังนั้นองค์กรที่จะวินิจฉัยต่อประเด็นนี้คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งที่ชอบแล้ว

ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะรับวินิจฉัยประการใด หรือจะไม่วินิจฉัยเลย ตนว่าเป็นสิ่งที่สมาชิกรัฐสภาดำเนินการญัตตินี้ชอบแล้ว ตนจึงเห็นด้วยว่า เมื่อมีปัญหาสงสัยและมีข้อขัดแย้งอันเป็นประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ และชอบที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยต่อประเด็นนี้ “ตนจึงเห็นด้วยต่อญัตตินี้” นายวันชัย กล่าว .-317 -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่