จันทบุรี 24 มี.ค.-รมว.พณ.ประกาศชัดหลังหารือผู้ค้าพลอยรับปากจะเร่งแก้อุปสรรคทุกด้านให้สะดวกยิ่งขึ้น เตรียมลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบ หนุนจันทบุรีเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับระดับโลก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวภายหลังหารือกับหน่วยงานราชการ และผู้ค้าอัญมณีจังหวัดจันทบุรี เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูง สร้างรายได้ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยได้เยี่ยมชมห้อง Lab และห้องเจียระไนอัญมณี พร้อมรับฟังบรรยายสรุปของศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรีด้วย โดยจังหวัดจันทบุรี มีครบถ้วนทุกอย่างทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ทะเล น้ำตก ของกิน และสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมากคือ อัญมณีและผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนและมังคุด ดังนั้น คิดว่าอนาคตของผลไม้ดีแน่นอน ส่วนอัญมณีจังหวัดจันจันทบุรีมีความพร้อมและศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรีสร้างมาตั้งแต่ปี 2548 เกือบ 20 ปีมาแล้ว เพื่อค้าขายอัญมณีซึ่งมีความเป็นมืออาชีพเป็นศูนย์กลางค้าขายพลอย มีการตรวจสอบรับรองคุณภาพ และมีช่างฝีมือของไทยที่ดังมากในระดับโลก
อย่างไรก็ตาม ได้รับรู้ปัญหาและเห็นว่าผู้ค้ากลุ่มนี้เป็นทัพหน้าทำหน้าที่หาเงินเข้าประเทศ รัฐบาลต้องช่วยกันการดูแลลดข้อจำกัด ผลักดันให้เป็นศูนย์กลาง อยากเห็นจังหวัดจันทบุรีเป็นศูนย์กลางอัญมณีและศูนย์กลางการค้าผลไม้ของไทย ซึ่งท่านอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรอยากให้ที่นี่เป็นตลาดค้าอัญมณีที่ใหญ่ แต่ตนคิดว่าอนาคตอัญมณีคงหมด แต่จะทำอย่างไรให้ตลาดขายพลอยนำเข้าพลอยใหญ่ที่ยังไม่เจียระไนเข้ามาได้
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะส่งเสริมทุกด้านอย่างเต็มที โดยจะเข้าไปดูในเรื่องอัตราภาษีอากรให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องการนำเข้าพลอยก้อน โดยจะช่วยดูการตั้ง bonded warehouse เพื่อไม่ต้องจ่าย VAT ก่อนตอนนำเข้า เพื่อลดปัญหาคนต่างชาติขนพลอยดิบเข้ามาขาย ต้องเสีย VAT หากขายไม่ได้ก็จะเสียโอกาส เลยไม่กล้าขนพลอยมาไว้ที่จันท์บุรี หากมีคลังสินค้าทัณฑ์บนที่จันท์บุรีจะช่วยให้มีปริมาณพลอยจากเหมืองต่างๆ ไหลมาที่ไทย ดังนั้น จึงต้องพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบด้านก่อนพื่อให้ที่จันทรบุรีเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง และเชื่อว่าจังหวัดจันทบุรีตอบโจทย์สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยสร้างรายได้เข้าประเทศกว่าปีละ 500,000 ล้านบาทโดยมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ทุกปี ซึ่งภาครัฐจะช่วยในการประชาสัมพันธ์ จัดโครงข่ายและลดข้อจำกัดทางกฎหมายให้เป็นกองหน้าหารายได้เข้าประเทศได้ต่อไป.-514-สำนักข่าวไทย