อยุธยา 1 มี.ค.- ไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีของกลางใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ส่งกลิ่นเหม็น ฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง เตือนประชาชนสวมหน้ากากอนามัยและอยู่ในที่โล่ง
ภาพเหตุการณ์เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ไฟโหมลุกไหม้โกดังของกลางที่เป็นกากสารเคมี จากโรงงานอุตสาหกรรม ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้เข้าตรวจค้นยึดไว้เป็นของกลาง มีทั้งขยะที่เป็นของเหลว น้ำมันและขยะอุตสาหกรรม รวมทั้งหมด 5 โกดัง รวมกว่า 4 พันตัน โดยไฟได้ลุกไหม้ในส่วนของโกดัง 1 ภายในมีรถบรรทุกกากเคมีของกลางจอดทิ้งไว้ด้วย และไฟได้ลุกออกมาจากตัวรถ พร้อมกับมีเสียงระเบิดตามมา เจ้าหน้าที่ระดมกำลังช่วยกันดับเพลิง และต้องสวมชุดผจญเพลิงป้องกันสารเคมี แรงลมยังพัดกลุ่มควันไปถึงศูนย์ราชการของอำเภอภาชี โรงพยาบาล และย่านธุรกิจ โดยทางเทศบาลตำบลภาชี ประกาศเสียงตามสายให้ประชาชนปิดบ้านเรือนให้มิดชิด ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันกลิ่นและสารพิษ หากบ้านเรือนไหนได้รับผลกระทบมีผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ได้รับควันพิษอพยพอยู่ในที่ปลอดภัย และได้ระดมรถดับเพลิงจากท้องที่ใกล้เคียงหลายสิบคัน เข้าควบคุมเพลิง แต่ไม่สามารถควบคุมได้เนื่องจากเชื้อเพลิงเป็นกากสารเคมี
ต่อมา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าฯ อยุธยา นำทีมลงพื้นที่บัญชาการเหตุเพลิงไหม้ พบเป็นโกดังเก็บสารเคมีที่ลักลอบมาทิ้งไว้ ซึ่งอยู่ระหว่างรอทำลาย ในพื้นที่หมู่ 2 ตำบลภาชี อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สรุปเพลิงไหม้จุดเก็บถังสารเคมีในพื้นที่ 2 โกดัง เปลวเพลิงไม่มาก แต่มีกลุ่มควันสีดำ และรับรู้กลิ่นจากสารเคมี รัศมีการฟุ้งกระจายตามทิศทางลม ประมาณ 3 กิโลเมตร เพลิงไหม้จำนวน 2 จุด
ด้านนายสเกน จันทร์ผดุงสุข นายกเทศมนตรีตำบลภาชี เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมแก้ไขปัญหาจากทุกภาคส่วน โดยภาครัฐได้จัดสรรงบฯ 6 ล้านบาทในเบื้องต้นมาให้ แต่ไม่เพียงพอในการกำจัด จึงทำให้ขยะกากสารเคมียังถูกเก็บไว้ในโกดังของกลางนี้ พร้อมตัดกระแสไฟฟ้าหมดแล้ว ไม่มีคนอยู่อาศัย ไม่มีคนเฝ้าแต่อย่างใด
วันนี้ นางจินดา เตชะศรินทร์ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กรมโรงงานอุตสาหกรรม นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังเกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่ามีการเคลื่อนย้ายกากสารเคมีภายในโกดังผิดตำแหน่งจากเดิม จากที่เคยมาตรวจสอบและร่วมตรวจยึด ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบรถบรรทุกต้นเพลิงที่ได้รับรายงาน พบว่ามีการจุดไฟโดยคน บริเวณเบาะคนขับ เชื่อว่าในการจุดเผาครั้งนี้ ต้องมีการวางแผนจุดเผากันหลายคนในเวลาเดียวกัน จึงทำให้เกิดเพลิงไหม้พร้อมกันอย่างรวดเร็วภายในโกดัง 1 และ 2 ที่ตรวจยึดกากสารเคมีพิษ ไว้ดำเนินคดีกับบริษัท รวมทั้งเจ้าของพื้นที่โกดังให้เช่าและเจ้าของสารเคมี สำหรับคดีตอนนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินคดี รอการประเมินและประชุม เพราะคดีผ่านมาแล้วกว่า 1 ปีได้แจ้งข้อกล่าวหาบริษัทรับกำจัดขยะอุตสาหกรรม เจ้าของพื้นที่ให้เช่า และบริษัทเจ้าของกากสารเคมี ที่ร่วมกันกระทำความผิดครั้งนี้
ล่าสุด นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าฯ อยุธยา นำคณะ หน่วยงานสาธารณสุข ปภ.จังหวัด และกรมควบคุมมลพิษ เพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศ จากการตรวจสอบคุณภาพของอากาศ ณ บริเวณโรงงาน และพื้นที่โดยรอบยังพบว่าต่ำกว่าเกณฑ์ ที่ส่งผลกระทบกับพื้นที่โดยรอบ อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมมลพิษ จะลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพอากาศตามเกณฑ์การวัดในพื้นที่โดยรอบที่เป็นชุมชนอย่างต่อเนื่อง
ผู้ว่าฯ อยุธยา กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ดำเนินการดูแลผลกระทบ ที่อาจเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนโดยรอบ อย่างเร่งด่วน และได้สั่งการ ให้เคลื่อนย้ายสารเคมีอันตรายที่เป็นของกลางทั้งหมด ออกจากพื้นที่โดยเร่งด่วน ซึ่งจะต้องใช้เวลาถึง 6 เดือน จึงจะสามารถนำสารเคมีทั้งหมดออกจากพื้นที่แห่งนี้.-สำนักข่าวไทย