รัสเซีย 3 ส.ค.-สัมพันธภาพระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ร้าวฉานอย่างหนัก หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย โทษฐานที่รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และแทรกแซงยูเครน ขณะที่รัสเซียประกาศกร้าว นี่คือการเปิดสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบกับรัสเซีย
กฎหมายฉบับนี้ ยังประกาศมาตรการคว่ำบาตร ทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน และเกาหลีเหนือด้วย เพื่อตอบโต้ที่ 2 ประเทศนี้ พัฒนาโครงการนิวเคลียร์ อิหร่านขู่ทันทีว่า จะตอบโต้สหรัฐ อย่างสาสม ขณะที่เกาหลีเหนือ ยังไม่แสดงปฏิกิริยา ต่อเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี ดิมิทรี เมดเวเดฟ แห่งรัสเซีย ระบุว่า การคว่ำบาตรรัสเซีย ของสหรัฐในครั้งนี้ จะเท่ากับเป็นการ ดับความหวัง ฟื้นฟูความสัมพันธ์ ระหว่างอภิมหาอำนาจ 2 ประเทศ ในยุคของทรัมป์ ที่แต่เดิม มีการมองกันว่า ทรัมป์จะช่วยให้ความสัมพันธ์ สหรัฐและรัสเซียกระเตื้องขึ้น ก่อนหน้านั้น รัสเซียได้ตอบโต้สหรัฐ ด้วยการขับเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐ 755 คน ทั้งในสถานทูต และสถานกงสุลในรัสเซีย ออกนอกประเทศ ส่วนกลุ่มประเทศในยุโรปอย่าง เยอรมนี ต่างหวั่นเกรง ผลกระทบความมั่นคง ด้าน พลังงาน ที่ยุโรปอาจได้รับ จากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ ออกแถลงการณ์หลังลงนาม ในคำสั่ง คว่ำบาตรรัสเซีย โดยวิจารณ์กฎหมายนี้ว่า เป็นการมัดมือชก จากสภาคองเกรสและว่าเนื้อหาของกฎหมาย มีข้อบกพร่อง อย่างมีนัยสำคัญ และเข้าข่ายละเมิดรัฐธรรมนูญ มาตรการคว่ำบาตรนี้ พุ่งเป้าโจมตีภาคธุรกิจพลังงาน และการส่งออกอาวุธ ของรัสเซีย ขณะที่รัสเซีย ขู่ตอบโต้สหรัฐเพิ่มขึ้นอีก นอกเหนือจากการขับทูตเกือบ 800 คน และยึดทรัพย์สิน ของรัฐบาลสหรัฐที่เป็นอาคาร 2 แห่ง ในกรุงมอสโคว์ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย