พรรคประชาธิปัตย์ 19 ก.พ.-ปชป.เตรียมชงแก้ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ให้ คกก.อิสระพิจารณาพักโทษ ชี้ รัฐบาล-ราชทัณฑ์ เหยียบย่ำอำนาจศาล ปฎิบัติ 2 มาตรฐาน
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษและกลับไปพักที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า ว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้ติดตามการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของนายทักษิณ ผ่านกลไกกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน รวมถึงยังมีคณะทำงานของพรรค และมั่นใจว่า พรรคในฐานะฝ่ายค้าน ได้ออกมาท้วงติงกรณีของนายทักษิณมากที่สุด และกรณีของนายทักษิณ ได้สะท้อนว่า คุกมีไว้ขังคนจน เพราะกระบวนการยุติธรรมของกรมราชทัณฑ์ ไร้ประสิทธิภาพ มีการดำเนินการที่ไม่ตรงไปตรงมาตามหลักนิติธรรม
“ต้องถามรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีว่า ได้ตระหนักต่อหลักนิติธรรมที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาตอนแถลงนโยบายหรือไม่ และทุกกรณีของนายทักษิณ กลายเป็นความลับทั้งหมด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไม่สามารถตอบคำถามใดๆ ได้ มีการปกปิดความจริงอย่างเป็นระบบ ซึ่งตนมองว่า หลักนิติธรรมของประเทศถูกทำลายอย่างไม่มีชิ้นดี อำนาจตุลาการถูกท้าทายจากอำนาจราชทัณฑ์”นายราเมศ กล่าว
นายราเมศ กล่าวว่าการพักโทษ คือสิทธิของนักโทษ แต่ข้อเท็จจริงกรณีของนายทักษิณนั้น ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว สังคมจึงตั้งคำถามว่า นายทักษิณ ป่วยจริงหรือไม่ และรักษาตัวจริงหรือไม่ และที่ผ่านมา บุคคลที่ใกล้ชิดนายทักษิณ ก็ออกมาเรียกร้องการไม่เลือกปฏิบัติ และเท่าเทียม
“แต่ก็เป็นเพียงลมปากผู้มีอำนาจ ไม่ได้เกิดจากสามัญสำนึกของผู้มีอำนาจที่แท้จริง เรื่องที่เกิดขึ้นจริงเป็นการเลือกปฏิบัติ ใช้อำนาจไม่เท่าเทียมกับนักโทษคนอื่น ๆ 2 มาตรฐาน และยังเหยียบย่ำอำนาจศาล ไม่มีการบังคับโทษ ตามที่ได้มีการพิพากษาคดีไปแล้ว”นายราเมศ กล่าว
ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จะเสนอร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ที่เคยจะเสนอในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ผ่านมา โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ อดีต สส.นครศรีธรรมราชของพรรค เพื่อแก้ไขการบังคับโทษของกรมราชทัณฑ์ ที่การพิจารณาพักโทษจะต้องมีคณะกรรมการอิสระมาพิจารณา โดยมีตัวแทนจากผู้พิพากษาศาลฎีกา ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือ กสม. เป็นต้น เพื่อป้องกันการใช้อำนาจตามอำเภอใจของบางองค์กร เพื่อไม่ให้เกิดกรณีปัญหาเหมือนนายทักษิณขึ้นอีก และคงไว้ซึ่งนิติรัฐ นิติธรรมของกระบวนการยุติธรรม.-312.-สำนักข่าวไทย