นนทบุรี 14 ก.พ.-รัฐมนตรีพาณิชย์รับเงื่อนไขข้อเสนอของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปรับอุปสรรคการค้าให้สะดวกรับกติกาโลกใหม่ เน้นยั่งยืน พลังงานสะอาด พร้อมใช้ FTA สร้างแต้มต่อการค้า มั่นใจอุตสาหกรรมยานยนตไทยเป็นที่ยอมรับตลาดโลก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวภายหลังการหารือกับผู้บริหารจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์) เพื่อส่งเสริมและแก้ปัญหาการส่งออกยานยนต์ของไทย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นลำดับที่ 3 ของไทย กระทรวงพาณิชย์ยึดหลักร่วมมือกับเอกชน โดยกติกาการค้าโลกใหม่ เริ่มมีผลบังคับใช้มากขึ้น ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจที่ยั่งยืน พลังงานสะอาด การแก้ไขปัญหาถิ่นที่อยู่สินค้า ซึ่งข้อเสนอต่างๆที่ภาคอุตสาหกรรมนำเสนอกระทรวงพาณิชย์และรัฐบาลพร้อมที่จะเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆให้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย การส่งออกสินค้ายานยนต์ในปี 2566(ม.ค.-ธ.ค.) มีมูลค่า 25,127.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (865,565.58 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.96 โดยมีตลาดออสเตรเลียเป็นตลาดส่งออกหลัก ในปี 2566(ม.ค.–ธ.ค.) ไทยผลิตรถยนต์ได้ทั้งสิ้น 1,156,035 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.44 สินค้าส่งออก 4 อันดับแรก 1.รถยนต์นั่ง 2.รถปิกอัพ รถบัส และรถบรรทุก 3.รถจักรยานยนต์ และ 4.รถจักรยาน โดยประเทศที่ส่งออก 10 อันดับแรก 1.ออสเตรเลีย 2.ฟิลิปินส์ 3.ซาอุดีอาระเบีย 4.ญี่ปุ่น 5.สหรัฐอเมริกา 6.เวียดนาม 7.เม็กซิโก 8.มาเลเซีย 9.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ 10.อินโดนีเซีย ทั้งนี้ FTA ฉบับล่าสุด ซึ่งเป็นฉบับที่ 15 FTA ไทย-ศรีลังกา ได้ลงนามไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าของไทยด้วย
นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวว่า สมาคมฯได้มาขอการสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เช่น การเจรจา FTA ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกหลาย FTA ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์แห่งอนาคต โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า เงื่อนไขการส่งออกอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง และการทำธุรกิจที่สะดวกรวดเร็วขึ้น เช่น การใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะช่วยสนับสนุนไปสู่ระบบ paperless และการส่งออกไปจุดหมายสำคัญอย่างออสเตรเลียได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี ทั้งนี้การผลิตเพื่อขายในประเทศ ปีที่ผ่านมาการผลิตเพื่อขายในประเทศติดลบประมาณ 8% แต่การส่งออกยังดีบวกประมาณ 11% สาเหตุหลักของการติดลบของการผลิตเพื่อขายในประเทศเป็นเรื่องของปิกอัพเป็นหลัก ติดลบประมาณ 30% มาจากหนี้สินครัวเรือน และการปล่อยสินเชื่อในภาวะ NPL ในระบบการขายรถยนต์สูง.-514-สำนักข่าวไทย