พ่อแม่ร้อง “บื๊กโจ๊ก” ขอผลชันสูตรศพลูกสาวพลัดตกตึกที่มาเลเซีย

สโมสรตำรวจ 2 ก.พ. – พ่อแม่ร้อง “บื๊กโจ๊ก” ขอผลชันสูตรศพลูกสาวพลัดตกตึก 33 ชั้นในมาเลเซีย หลังผลผ่าศพของนิติเวชไทย พบร่องรอยฟกช้ำตามตัวศพ


นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พา น.ส.นพรัตน์ อายุ 62 ปี และนายณรงค์ชัย อายุ 63 ปี พ่อและแม่ของน้องจ๋า อายุ 23 ปี ที่พลัดตกจากตึกชั้น 33 เสียชีวิตที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สโมสรตำรวจ เพื่อขอให้ช่วยประสานกับทางนิติเวชมาเลเซียในการขอผลชันสูตรศพน้องจ๋า เนื่องจากพ่อแม่สงสัยสาเหตุการตายของลูกสาวและผลชันสูตรรอบ 2 ที่ไทยพบรอยฟกช้ำตามร่างกาย เนื่องจากถูกของแข็งที่ไม่มีคมก่อนเสียชีวิต พร้อมขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากเพื่อนสาวคนสนิทที่ชักชวนน้องจ๋าไปเที่ยวมาเลเซีย

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา นางปวีณา พาพ่อแม่น้องจ๋า เดินทางไปฟังผลชันสูตรศพที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ โดยพบว่า ตามร่างกายมีแผลถลอกฟกช้ำเป็นรอยครูดทั่วตัวที่คาง ไหล่ ก้น หลัง ต้นแขน และขาหนีบ ซึ่งเกิดจากการถูกของแข็งที่ไม่มีคมก่อนเสียชีวิต อีกทั้งยังพบกระดูกกะโหลกด้านหลังแตก กระดูกต้นขาหัก กระดูกข้อเท้าหัก กระดูกเชิงกรานหัก กระดูกสันหลังหัก ซี่โครงซ้าย-ขวา ด้านหลังหัก อวัยวะทุกส่วนหักหมด นอกจากนี้ยังได้ตัดชิ้นส่วนตับเพื่อไปตรวจดูสารพิษ และตัดเล็บไปตรวจหาเนื้อเยื่อ หรือ DNA และทำการเก็บสารคัดหลั่งในช่องคลอด ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจจากห้องแล็ปเพื่อทราบผลอย่างละเอียด


ทั้งนี้ แพทย์ผู้ชันสูตรศพน้องจ๋า รายงานว่า เป็นการผ่าชันสูตรพลิกศพครั้งที่ 2 เนื่องจากมีการผ่าพิสูจน์ครั้งแรกมาจากที่ประเทศมาเลเซียและมีการฉีดฟอร์มาลีนมาแล้ว ทำให้มีข้อจำกัดในการตรวจสารพิษ ส่งผลให้หาเลือดและปัสสาวะไม่ได้ จึงอยากให้ประสานขอผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชมาเลเซีย เพื่อประกอบการพิจารณาหาข้อเท็จจริงในการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของน้องจ๋าให้กระจ่าง

ขณะนี้พ่อแม่ของน้องจ๋ายังเกิดความกังขาในเรื่องรอยช้ำตามร่างกายก่อนเสียชีวิต แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลการตรวจพิสูจน์ครั้งแรกที่มาเลเซียที่จะนำมาพิจารณาร่วมด้วยว่าสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงเกิดจากสาเหตุใด

ส่วนประเด็นเพื่อนสนิทของน้องจ๋าที่อยู่มาเลเซีย ขณะนี้ได้โทรศัพท์มาหานางปวีณา และได้ส่งมอบโทรศัพท์มือถือของน้องจ๋าให้กับพ่อแม่น้องจ๋าแล้ว หลังจากการสอบสวนที่มาเลเซียเสร็จสิ้นและส่งมอบคืนโทรศัพท์น้องจ๋าแก่เพื่อน โดยได้นำไปมอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์และเฟชบุ๊กเพื่อนสนิทน้องจ๋า เพื่อขอข้อมูลประกอบการพิจารณาต่อไป


นางปวีณา เล่าอีกว่า เพื่อนสนิทของน้องจ๋ามีแฟนเป็นชาวมาเลย์และเปิดสถานบันเทิง โดยเพื่อนสนิทเล่าว่า ก่อนน้องจ๋าจะเสียชีวิต น้องได้ไปเที่ยวที่ผับของแฟนเพื่อนสนิท ก่อนที่แขกของผับจะพาน้องจ๋ามาส่งที่คอนโด จึงให้น้องมาพักที่ห้องชั้น 33 ซึ่งเป็นห้องของเพื่อนสนิท หลังจากนั้นเพื่อนสนิทและแฟนเพื่อนก็ได้ลงมาซื้ออาหารกินด้านล่างตึก ปรากฏว่าไม่นานก็พบว่าน้องจ๋าพลัดตกลงมาจากห้องชั้น 33 เสียชีวิต เพื่อนสนิทระบุอีกว่า น้องจ๋ามีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง แต่ก็ยังข้อสงสัยว่า บาดแผลฟกช้ำตามร่างกายขนาดนั้นจะเกิดจากการทำร้ายร่างกายตัวเองได้อย่างไร หรือถูกใครทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดว่ามีพิรุธอะไรอย่างไร

ด้าน น.ส.นพรัตน์ กล่าวทั้งน้ำตาร้องของช่วยเหลือให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ความเป็นธรรมแก่การเสียชีวิตของลูกของตน โดยตนสงสัยในการเสียชีวิตของลูกสาวอย่างมาก น้องจ๋าเป็นเด็กดี น่ารักมาก แต่ตนก็ไม่ทราบว่าลูกไปมาเลเซียทำไม แล้วไปเมื่อไหร่ นึกว่าน้องจ๋าอยู่โคราชมาโดยตลอด ตอนนี้เสียใจอย่างมากจนไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม แต่สัญญาว่าหลังจากนี้จะเข้มแข็งและจะหมั่นทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ลูก

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณีนี้ทางคุณปวีณาได้ประสานเรื่องกับตนมาเบื้องต้นแล้ว ซึ่งตอนนี้ตนเตรียมให้จะประสานความร่วมมือไปยังตำรวจมาเลเซีย เพื่อขอผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชและผลการสอบสวนของตำรวจประเทศมาเลเซียต่อไป รวมทั้งจะต้องดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายในกรณีนี้ ก็คือพ่อแม่น้องจ๋าอย่างละเอียด อีกทั้งตนได้สั่งการให้ชุดทำงานบินไปยังประเทศมาเลเซียแล้ว เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นและตนจัดเตรียมบินตามไปทีหลัง โดยกรณีนี้จะต้องสืบอย่างชัดเจนหาให้ได้ว่า น้องจ๋านั้นเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ร่องรอยบาดแผลตามร่างกายที่ปรากฏนั้นเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการเสียชีวิตและคดีนี้จะเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ได้โทรศัพท์มือถือของน้องจ๋าแล้วก็คาดว่าจะสามารถสืบสวนหาความชัดเจนได้ต่อไป.-412-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก