ตรัง 1 ก.พ. – ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จ.ตรัง หนุนเกษตรกรใช้พื้นที่ว่างปลูกกระเจี๊ยบแดงพันธุ์กำแพงแสน ม่วงจัมโบ้ เป็นสายพันธุ์ใหม่ ดอกใหญ่ เนื้อเยอะ เก็บเกี่ยวเร็ว แถมมีสรรพคุณสูง แถมขายได้ราคาดีกว่ากระเจี๊ยบทั่วไป
นางวรรณา พรหมบุญทอง ผู้อำนวยการศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จ.ตรัง นำต้นกระเจี๊ยบแดงสายพันธุ์ใหม่ พันธุ์กำแพงแสน ม่วงจัมโบ้ มาปลูก มีสีม่วงอมแดงหรือสีม่วงเข้ม ลำต้นแข็งแรง กลีบเลี้ยงหนา ยาวใหญ่ ได้เนื้อเยอะ ให้ผลผลิตสูงและเก็บเกี่ยวได้เร็ว ปลูกง่ายแถมได้ราคาดีกว่ากระเจี๊ยบทั่วไปถึง 2 เท่า โดยนำมาปลูกบนแปลงสาธิต เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ กว่า 1,000 ต้น ใช้เวลาปลูกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม หรือประมาณ 130-150 วัน ก็เก็บดอกกระเจี๊ยบมาทำน้ำดื่มสมุนไพร เพื่อแจกจ่ายให้กับเกษตรกรที่มาเยี่ยมชมในห้วงเทศกาลปีใหม่ตลอดเดือนมกราคมนี้
กระเจี๊ยบแดงมีรสเปรี้ยวอมหวาน ใช้ประโยชน์ได้ทั้งส่วนลำต้น ดอกและใบ ซึ่งดอกหรือที่เรียกว่ากลีบเลี้ยง นิยมนำมาทำน้ำดื่มสมุนไพร แก้กระหาย หรือนำไปทำแยม กระเจี๊ยบอบแห้ง และอาหารที่ให้รสเปรี้ยว ซึ่งกระเจี๊ยบแดง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ลดภาวะเสี่ยงโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งและยับยั้งเนื้องอก ทั้งยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของเม็ดเลือดแดงได้เป็นอย่างดี
กระเจี๊ยบแดงเป็นที่ต้องการของตลาดสูง แต่มีเกษตรกรปลูกน้อย ทำให้กระเจี๊ยบแดงทั่วไป ราคาขายอยู่ที่กิโลละ 20-30 บาท ส่วนกระเจี๊ยบแดงม่วงจัมโบ้กิโลละ 40-60 บาท ส่วนใหญ่นิยมนำมาทำน้ำสมุนไพรขายตามร้านอาหารและโรงแรมต่าง ๆ ปัจจุบันมีการสั่งซื้อจากทางภาคเหนือ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จ.ตรัง จึงแนะเกษตรกรเข้ามาศึกษาดูงานและติดต่อขอเมล็ดพันธุ์ไปปลูกได้ในวันและเวลาราชการ ส่วนคนที่มีพื้นที่น้อย ก็สามารถปลูกกระเจี๊ยบแดงม่วงจัมโบ้ในกระถางได้ หรือนำมาประดับตกแต่งโต๊ะอาหารก็สวยหรูดูดี. – สำนักข่าวไทย