กรุงเทพฯ 29 ก.ค. – สนพ.ชี้แจงการเก็บค่าธรรมเนียมส่งออกแอลพีจี เพื่อต้องการให้เกิดการแข่งขันด้านการจัดหา สร้างตลาดค้าปลีกในประเทศ และป้องกันไม่ให้เกิดการขาดแคลน
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เรียกร้องให้มีการทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการส่งออกก๊าซแอลพีจีที่เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราคงที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน หรือประมาณ 0.70 บาท/กก. นั้น สนพ.ขอชี้แจงว่าเนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซแอลพีจี เพื่อส่งสัญญาณให้เกิดการแข่งขันในการจัดหาเพื่อผู้บริโภคในประเทศเป็นสำคัญ คือ ให้ผู้ผลิตก๊าซแอลพีจีในประเทศมุ่งเน้นแข่งขันด้านราคากับผู้นำเข้าและต้องการให้เกิดการสร้างตลาดค้าปลีกในประเทศที่มีคุณภาพการบริการที่ดีขึ้น คือ ให้ผู้ผลิตก๊าซแอลพีจีควรทำการตลาดแข่งกับผู้ค้ารายอื่น อีกทั้งเพื่อไม่ให้เกิดภาวะการขาดแคลน จึงมีแนวความคิดที่จะเสนอให้มีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากการส่งออกก๊าซแอลพีจี ประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน สำหรับกรณีขอส่งออกโดยไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า อีกทั้ง สนพ.เชื่อว่าอัตราที่เสนอไว้นั้น ไม่ได้เป็นอัตราสูงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรการดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเพื่อป้องกันการละเลยการทำตลาดในประเทศ และเพื่อป้องกันการผลิตก๊าซแอลพีจีมุ่งเน้นการส่งออกแต่เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะกรณีเป็นก๊าซแอลพีจีที่แจ้งกรมธุรกิจพลังงานว่าจะขายในประเทศ แต่ต่อมาเปลี่ยนใจส่งออก
“หากกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันตั้งใจที่จะขายในประเทศอยู่แล้วก็ไม่น่าจะมีข้อกังวลเรื่องค่าธรรมเนียมการส่งออก อีกทั้งโรงกลั่นฯ เป็นกิจการขนาดใหญ่ต้องมีแผนการบริหารจัดการสินค้าที่ชัดเจนอยู่แล้ว และหากแจ้งแผนดังกล่าวต่อกรมธุรกิจพลังงานไว้ให้เป็นที่แน่ชัด ก็ไม่น่าจะมีความเสี่ยงต้องเสีย 20 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เพื่อการส่งออก” นายทวารัฐ กล่าว.-สำนักข่าวไทย