เพชรบูรณ์ 23 ม.ค.- อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งรื้อสิ่งปลูกสร้างรุกอุทยานเขาค้อให้ได้ หลังมีกลุ่มบุคคลประมาณ 30 คนปิดกั้นเส้นทางเพื่อขัดขวางการรื้อถอนของเจ้าหน้าที่ ย้ำหากไม่สามารถรื้อถอนได้ จะเป็นตัวอย่างให้คนบุกรุกเพิ่ม พร้อมสั่งดำเนินคดีกลุ่มขัดขวางการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกล่าวว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันรื้อสิ่งปลูกสร้างบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาค้อให้ได้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง โดยในการเข้ารื้อถอนของเจ้าหน้าที่วันนี้ มีกลุ่มบุคคลขัดขวางการปฏิบัติงาน ดังนั้นจึงสั่งให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ขัดขวางการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
ทั้งนี้ได้รับรายงานจากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ นายโกเมศ พุทธสอน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 นายพนัชกร โพธิบัณฑิต ผู้อำนวยการส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจฯ (พญาเสือ) ซึ่งสนธิกำลัง 192 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอหล่มเก่า สถานีตำรวจภูธรอำเภอหล่มเก่า และศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง เข้าดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ตพร้อมสิ่งปลูกสร้าง บริเวณภูทับเบิก-ผาหัวสิงห์ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ 2 แห่ง ท้องที่บ้านดอยน้ำเพียงดิน หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นไปตามมาตรา 35(3) แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
สำหรับการดำเนินการเข้ารื้อถอนนั้น ได้มีการแจ้งขั้นตอนกระบวนการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ปิดประกาศให้กับผู้ประกอบการทราบแล้ว โดยในช่วงเข้าปฎิบัติงานคณะเจ้าหน้าที่เดินทางถึงบริเวณเส้นทางขึ้นภูทับเบิก พบกลุ่มบุคคลประมาณ 30 คน รวมตัวกันยืนปิดเส้นทางขึ้น พร้อมถือป้ายข้อความ “ถนนส่วนบุคคลห้ามผ่าน” คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ชี้แจงขอเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อถูกกลุ่มชาวบ้านขัดขวางจึงได้เจรจาต่อรองตามขั้นตอน โดยมีข้อเสนอดังนี้
- 1. ขอเข้าพื้นที่เพื่อรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ผิดกฎหมาย แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ยอมให้เข้าพื้นที่
- 2. ขอนำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องขึ้นไปพ่นสีเพื่อแสดงแนวเขตของอุทยานแห่งชาติเขาค้อ โดยจะยังไม่รื้อถอนในวันนี้ มีบางส่วนเห็นด้วยกับข้อเสนอ แต่สุดท้ายไม่ให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปดำเนินการใดๆ
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมอุทยานฯ กรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงหน่วยงานฝ่ายปกครองในท้องที่ให้ดูแนวเขตร่วมกันในวันหลัง ทั้งที่ในความเป็นจริงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เคยร่วมชี้แนวเขตพื้นที่ร่วมกันแล้ว แต่ราษฎรในพื้นที่ไม่ยอมรับ โดยในการเจรจาได้มีปลัดอำเภอหล่มเก่าในฐานะฝ่ายปกครองในพื้นที่เข้าร่วมด้วย แต่ราษฎรไม่ยอมรับข้อเสนอ
คณะเจ้าหน้าที่จึงแบ่งกำลังส่วนหนึ่งขึ้นไปบริเวณภูทับเบิก เพื่อรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง โดยสามารถรื้อถอนเสาไฟรวม 7 ต้นและชุดไฟฟ้าโซลาเซลล์ 5 ชุดบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรก ส่วนบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวแห่งที่สอง ไม่สามารถรื้อถอนได้เนื่องจากถูกขัดขวางการปฏิบัติงาน
จากพฤติการณ์พบว่า ใช้ผู้หญิงเป็นด่านแรกในการปะทะกับเจ้าหน้าที่ โดยผู้ชายจะอยู่ด้านใน ส่งเสียงยั่วยุปลุกปั่นให้ผู้หญิงเข้าไปแย่งอุปกรณ์รื้อถอนจากเจ้าหน้าที่ พูดต่อว่าคณะเจ้าหน้าที่ และมีการไลฟ์ผ่านสื่อออน์ไลน์ กล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่กลั่นแกล้งและพูดให้ร้ายต่อเจ้าหน้าที่
การกระทำดังกล่าว เป็นการหวังยั่วยุเพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังคงเจรจาทำความเข้าใจอย่างละมุนละม่อม คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการประสานพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อรวบรวมนำหลักฐานภาพและวิดีโอ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่เข้าขัดขวางการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 136 ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และมาตรา 138 ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา ส่วนรถยนต์ที่จอดขวางปิดกั้นเส้นทางไม่ให้เจ้าหน้าที่ออก ได้สั่งการให้ขนย้ายไปส่งพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจ เมื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการอย่างจริงจัง เจ้าของรถยนต์จึงได้ย้ายรถหนีออกไป ทั้งนี้จะได้แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของรถคันดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ เปิดโอกาสในการเจรจาต่อรองเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน พร้อมมีการแบ่งปันอาหารกลางวันและน้ำให้แก่ผู้ชุมนุม โดยไม่มีการกระทบกระทั่งกันแต่อย่างใด จากนั้นรวบรวมหลักฐานบันทึกรายละเอียดจัดทำบัญชีทรัพย์สินที่รื้อถอนได้และบันทึกแจ้งความร้องทุกข์ผู้ที่ขัดขวาง การปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่นำส่งพนักงานสอบสวน สภ. หล่มเก่า อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า พนักงานเจ้าหน้าที่พยายามเจรจาพูดคุยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและหาข้อยุติที่ดีร่วมกันแล้ว ใช้วิธีการเจรจาต่อรอง เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับราษฎร จึงไม่ได้บุกเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ด้วยเกรงว่า จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อกรมอุทยานฯ โดยจากการสอบถามพบว่า ผู้ที่มาชุมนุมในวันนี้ มาจากหมู่บ้านอื่น พร้อมย้ำว่า ในทางปฏิบัติตามกฎหมายก็ต้องทำอย่างเคร่งครัดแบบไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่คิดจะบุกรุกพื้นที่ของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตน และไม่ปล่อยให้ผู้กระทำผิด ไม่ว่าใครก็ตาม จะใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายไม่ได้อย่างเด็ดขาด. – 512 – สำนักข่าวไทย